อาชญากรรม

ตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) ร่วม สธ., สบส., สสจ.ปทุมธานี, สสจ.ระยองลุยปราบสวยเถื่อน ตรวจค้น 5 จุด รวบ 4 หมอปลอม เสริมความงามให้ประชาชน

Published

on

ตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) ร่วม สธ., สบส., สสจ.ปทุมธานี, สสจ.ระยอง
ลุยปราบสวยเถื่อน ตรวจค้น 5 จุด รวบ 4 หมอปลอม เสริมความงามให้ประชาชน
วันที่ 19 กุมภาพันธ์2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,
พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย, พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ, พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก, เจ้าหน้าที่ตำรวจ
บก.ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ
นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปคบ.,
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดย นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, นพ.ภานุวัฒน์ ปาน
เกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ,สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง โดย นายสุนทร เหรียญภูมิ
การกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติกรณีตรวจระดมตรวจค้น 5 จุด จับกุม
ผู้ต้องหา 6 ราย โดยเป็นแพทย์เถื่อน 4 ราย, แพทย์จริง 1 ราย และเจ้าของสถานที่ 1 ราย ตรวจยึดของ
กลาง จำนวน 96 รายการ มูลค่ากว่า 500,000 บาท
พฤติการณ์สืบเนื่องจากกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการ
คุ้มครองผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี
และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ให้ทำการตรวจสอบบุคคลที่ไม่ใช่
แพทย์เปิดร้านเสริมสวย และบ้านพัก ลักลอบให้การบริการฉีดหน้าเสริมความงามให้ประชาชน อาทิเช่น ฉีดโบท๊
อก ฟิลเลอร์ ฉีดวิตามินบำรุงผิว ฯลฯ อีกทั้งมีการโฆษณาเชิญชวนประชาชนให้มารับการรักษา แพลตฟอร์ม
ออนไลน์อย่างโจ่งแจ้งโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จ.ปทุมธานี และ จ.ระยอง
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ทำการสืบสวนพบว่า มีบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์หลายรายทำการใช้สถานที่ต่างๆ
เปิดรับการรักษาให้แก่ประชาชนโดยทั่วไปจริง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้บริการ เช่น ใบหน้าผิดรูป หรือ
เกิดการอักเสบติดเชื้อจนเป็นอันตรายถึงชีวิต จนนำมาสู่การระดมกวาดล้างหมอเถื่อน และสถานพยาบาลเถื่อน
ในครั้งนี้ รวม 5 จุด ดังนี้

  1. ร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งตั้งอยู่ภายในตลาดพระรูป 2 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีเมื่อ
    วันที่ 12 กุมภาพันธ์2567 โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงาน
    สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี นำหมายค้นของศาลจังหวัดธัญบุรีเข้าตรวจค้น ผลการตรวจค้น พบ น.ส. วสุพร
    (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี กำลังฉีดวิตามินบำรุงผิวเข้าเส้นเลือดให้กับผู้มารับบริการ จากการตรวจสอบพบว่า
    พบว่าสถานที่ดังกล่าวเปิดเป็นร้านเสริมสวยบังหน้าเพื่อใช้นัดหมายลูกค้ามาฉีดรักษา โดยไม่มีใบอนุญาต
    ประกอบกิจการ และไม่มีใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาล อีกทั้ง ผู้ทำการตรวจรักษา ไม่มีใบอนุญาต
    ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดย น.ส.วสุพร ฯ รับว่าตนเองจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขา Logistic เคย
    ทำงานที่คลินิกเสริมความงาม จึงนำความรู้ที่มี รับฉีดเสริมความงามให้กับลูกค้า โดยใช้เฟซบุ๊ก
    (https://www.facebook.com/wasuporn.meesiriroj) แ ล ะ tiktok ( https://www.tiktok.com/@oil_
    wasuporn) เป็นช่องทางในการนัดกับลูกค้า และโฆษณาโดยใช้ร้านเสริมสวยเป็นสถานที่นัดลูกค้ามาฉีด มีลูกค้า
    วันละประมาณ 3-10 คน ทำมาแล้วประมาณ 7 เดือน รายเดือนละประมาณ 80,000 – 100,000 บาท
    ในส่วนยา เครื่องมือแพทย์ที่นำมาใช้กับประชาชน ตนเองสั่งมาจากผู้ขายผ่านช่องทางออนไลน์ออนไลน์
    ตรวจยึด ยาแผนปัจจุบันมีทะเบียนถูกต้อง จำนวน 6 รายการ ยาแผนปัจจุบันที่ไม่มีทะเบียนตำรับยา
    จำนวน 8 รายการ เครื่องมือแพทย์จำนวน 4 รายการ เวชภัณฑ์ 5 รายการ รวมของกลาง จำนวน 14 รายการ
    มูลค่าของกลางประมาณ 100,000 บาท ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี
  2. สถานพยาบาลตั้งอยู่ บริเวณถนนราชชุมพล ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง เมื่อวันที่ 13
    กุมภาพันธ์ 2567 ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุข
    จังหวัดระยอง นำหมายค้นของศาลจังหวัดระยอง เข้าตรวจค้น โดยขณะเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจค้น พบ แพทย์
    หญิง กรรณิกา (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี กำลังให้การรักษาประชาชน ตรวจสอบสถานพยาบาลดังกล่าวไม่มี
    ใบอนุญาตประกอบกิจการ และไม่มีใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาล โดยแพทย์คนดังกล่าว รับว่าเป็น
    เจ้าของคลินิก ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมเอกสารเพื่อยื่นขออนุญาต แต่ได้เปิดทำการรักษาก่อนโดยเปิดมาแล้ว
    ประมาณ 1 เดือน โดยใช้เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/profile.php?id=61553026495844 ในการ
    โฆษณานัดหมายลูกค้า ตรวจยึดยาแผนปัจจุบันที่มีทะเบียนตำรับยา จำนวน 19 รายการ เครื่องมือแพทย์
    จำนวน 4 รายการ เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ในการรักษา เวชระเบียน รวมมูลค่าของกลางประมาณ 200,000 บาท ส่ง
    พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี
  3. บ้านพักอาศัย ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.ตาขัน อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567
    ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง นำ
    หมายค้นของศาลจังหวัดระยอง เข้าตรวจค้น ขณะเข้าตรวจค้น พบ น.ส.ปุญญิสา (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี
    กำลังฉีดรักษาให้กับประชาชน เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบพบว่า สถานที่ดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตประกอบ
    กิจการ และไม่มีใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาล อีกทั้ง ผู้ทำการตรวจรักษาไม่มีใบอนุญาตประกอบ
    วิชาชีพเวชกรรม โดย น.ส.ปุญญิสาฯ รับว่า ตนเองจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากนั้นไปเรียนต่อ
    หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล เมื่อจบแล้วได้ไปทำงานในคลินิกใน อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ได้ประมาณ 4 ปี ภายหลัง
    ลาออกจากคลินิก ได้นำความรู้ที่ได้เรียนมาและประสบการณ์จากการทำงาน มาเปิดรักษาโดยการนัดประชาชน
    มารับบริการที่บ้าน โดยใช้เฟซบุ๊ก (https://www.facebook.com/saowanee.sakphat) ในการโฆษณา และ
    ติดต่อนัดหมายลูกค้า ทำมาได้ประมาณ 1 ปี รายได้เดือนละประมาณ 50,000 – 100,000 บาท ตรวจยึดยา
    แผนปัจจุบันที่มีทะเบียนตำรับยา จำนวน 10 รายการ ยาแผนปัจจุบันที่ไม่มีทะเบียนตำรับยา จำนวน 7 รายการ
    (รวม 17 รายการ) เครื่องมือแพทย์ จำนวน 8 รายการ เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ในการรักษา จำนวน 3 รายการ รวม
    มูลค่าของกลางประมาณ 100,000 บาท ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี
    โดย น.ส.ปุญญิสาฯรับว่าสั่งซื้อยา และเครื่องมือแพทย์ผ่านช่องทางออนไลน์โดยไม่ทราบว่าร้านที่ส่งมา
    ให้รับมาจากที่ใด
  4. ร้านเสริมสวยแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.นิคมพัฒนา อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์
    2567 ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง
    นำหมายค้นของศาลจังหวัดระยอง เข้าตรวจค้น ขณะเข้าตรวจค้น พบ น.ส. กฤศญา (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี
    กำลังฉีดยาบำรุงผิวให้กับประชาชน เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ น.ส. ศิริรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี
    เจ้าของสถานที่ รับว่าสถานที่ดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ และไม่มีใบอนุญาตดำเนินการ
    สถานพยาบาล อีกทั้ง ผู้ทำการตรวจรักษา ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมแต่อย่างใด
    สอบถาม น.ส. กฤศญาฯ รับว่าตนเองจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ไม่มีความรู้ด้านการแพทย์ มี
    ประสบการณ์เคยทำงานคลินิกมา 10 ปีโดยทำงานที่ร้านแห่งนี้ได้เพียง 2 วัน ได้ค่าจ้างเป็นเคส เคสละ 400
    บาท น.ส.ศิริรัตน์ฯ รับว่าสถานที่แห่งนี้เปิดดำเนินการมาแล้วประมาณ 1 ปี โดยใช้เฟซบุ๊ก
    (https://www.facebook.com/profile.php?id= 100065016670316) ในการโฆษณา และนัดหมายลูกค้า จึ
    ตรวจยึดยาแผนปัจจุบันที่มีทะเบียนตำรับยา จำนวน 7 รายการ ยาแผนปัจจุบันที่ไม่มีทะเบียนตำรับยา จำนวน
    5 รายการ (รวม 12 รายการ) เครื่องมือแพทย์ 3 รายการ เวชภัณฑ์ 12 รายการ รวมมูลค่าของกลางประมาณ
    100,000 บาท โดย น.ส.ศิริรัตน์ฯ เจ้าของสถานที่รับว่าสั่งยามาจากสื่อออนไลน์ ส่งมาโดยขนส่งเอกชน
  5. คลินิกแห่งหนึ่ง บริเวณถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร
    สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้รับเรื่องร้องเรียยนจาก กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวง
    สาธารณสุข และประชาชนให้ตรวจสอบสถานพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งมีการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์เกี่ยวกับการนำ
    ผลิตภัณฑ์ซึ่งจดทะเบียนเป็นเครื่องสำอาง แต่นำมาฉีดเข้าร่างกาย และสงสัยว่าบุคคลที่ให้บริการรักษาไม่ใช่
    แพทย์จึงร่วมกับ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข(สบส.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหาร
    และยา (อย.) นำหมายค้นของศาลอาญามีนบุรี เข้าตรวจค้นสถานพยาบาลดังกล่าว ขณะเข้าตรวจค้น พบ
    น.ส.เบญจภรณ์ (สงวนนามสกุล)อายุ 30 ปี กำลังนำผลิตภัณฑ์ซึ่งจดทะเบียนเป็นเครื่องสำอางมาฉีด ให้กับ
    ประชาชน โดยน.ส.เบญจภรณ์ฯ รับว่าตนเองจบปริญญาตรีพยาบาลศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง
    แต่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตรวจยึด ผลิตภัณฑ์ที่จดทะเบียนเป็นเครื่องสำอาง แต่นำไปใช้ผิดประเภท
    โดยการนำมาฉีด ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับประชาชน ตรวจยึดผลิตภัณฑ์จดทะเบียนเป็นเครื่องสำอาง แต่ฉลาก
    ระบุฉีด จำนวน 4 รายการ พร้อมจับกุม น.ส. เบญจภรณ์ฯ ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี
    รวมตรวจค้น 5 จุด ตรวจยึดของกลาง จำนวน 96 รายการ มูลค่ากว่า 500,000 บาท โดยเป็นยามี
    ทะเบียนตำรับยา จำนวน 36 รายการ, ยาที่ไม่มีทะเบียนตำรับยา 20 รายการ, เครื่องมือแพทย์ จำนวน 19
    รายการ เครื่องสำอาง จำนวน 4 รายการ เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ จำนวน 17 รายการ
    แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่ทำการรักษา และเจ้าของสถานที่ ทั้งหมด 6 ราย โดยผู้ทำการรักษาจบ
    การศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 2 ราย ปริญญาตรี 2 ราย และเรียนจบแพทย์จริงแต่รักษาใน
    สถานที่ไม่ได้รับอนุญาต 1 ราย โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา ดังนี้
  6. น.ส. วสุพร (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปีในความผิดฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้
    รับอนุญาต, ดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยา
    ที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา,ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต”

แพทย์หญิง กรรณิกา (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้
รับอนุญาต และดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต”

  1. น.ส. ปุญญิสา (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับ
    อนุญาต,ดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาที่ยัง
    ไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา,ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต”
  2. น.ส. กฤศญา (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปีฐาน “ดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต
    ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต
  3. น.ส. ศิริรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปีเจ้าของสถานที่ฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาล
    โดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต และขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา
  4. น.ส. เบญจภรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต”
    อนึ่ง การปล่อยให้บุคคลที่มิใช่แพทย์มาให้บริการรักษา ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะถือว่ามี
    ความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐาน “ปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ประกอบ
    วิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท
    หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีคำสั่งทางปกครองให้ปิดสถานพยาบาลเป็นการชั่วคราว หรืออาจถึงขั้นเพิกถอน
    ใบอนุญาตได้ โดยหากพบการกระทำความผิดพนักงานสอบสวนจะมีการออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องมารับทราบ
    ข้อกล่าวหาต่อไป
    การกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นความผิดตาม
  5. พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และ
    ดำเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท
    หรือทั้งจำทั้งปรับ
  6. พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวาง
    โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  7. พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 ฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี
    และปรับไม่เกิน 10,000 บาท
  8. พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ฐาน “ขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี
    หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    นายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กล่าวว่า การที่
    สถานพยาบาลนำหมอเถื่อน เข้าสวมรอยให้บริการแทนแพทย์จริงในคลินิก ย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย
    ของประชาชส หากเป็นการเสริมความงามก็มักจะพบผลกระทบ ทั้ง แผลติดเชื้อ, หน้าอกผิดรูป เกิดความพิการ
    จากการฉีดสารเสริมความงาม หรืออาจจะรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตจากการติดเชื้อได้
    ดังนั้น ผู้รับบริการจะต้องหมั่นสังเกตเอกสารหลักฐานประจำคลินิก นอกจากเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก
    และใบอนุญาตให้ประกอบกิจการแล้ว ก่อนเข้าห้องตรวจรักษาจะต้องตรวจสอบเอกสารหลักฐาน “แบบแสดงรูป
    ถ่ายและรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพหรือผู้ประกอบโรคศิลปะ (ส.พ.6)” ที่ติดอยู่หน้าห้อง ซึ่งจะแสดง

ภาพถ่าย ชื่อ-นามสกุล สาขา และเลขที่ใบอนุญาต และเพื่อความมั่นใจขอให้นำชื่อแพทย์ไปตรวจสอบในเว็บไซต์
แพทยสภา (https://tmc.or.th/) หากไม่พบก็ขอให้หลีกเลี่ยงการรับบริการ และแจ้งเบาะแสมาที่กรม สบส.
หรือสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ทันที
นายสุนทร เหรียญภูมิการกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง กล่าวฝากความห่วงใยมายังพี่น้อง
ประชาชนว่า ก่อนเข้ารับการรักษาโรค หรือเสริมความงาม ตามสถานพยาบาลต่าง ๆ ควรตรวจสอบการได้รับ
อนุญาตของคลินิกและแพทย์ที่ทำการรักษาก่อนในเบื้องต้น การเลือกรับบริการคลินิกจากแค่ราคา การรีวิวจาก
Influencer หรือคำโฆษณาเท่านั้น อาจทำให้ได้รับความเสี่ยงในการวินิจฉัยและรับการรักษาที่ไม่ถูกต้องจาก
บุคลากรที่ไม่ใช่แพทย์ และแจ้งเตือนไปยังผู้ที่ลักลอบกระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่สวมรอยเป็นหมอ,
หมอเถื่อน หรือคลินิกเถื่อน ให้หยุดพฤติการณ์ดังกล่าวทันที เพราะเจ้าหน้าที่จะดำเนินการจับกุมอย่างต่อเนื่อง
หากตรวจพบจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาด
พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. กล่าวฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า ก่อนเข้า
รับการรักษาโรค หรือเสริมความงาม ตามสถานพยาบาลต่างๆ ควรตรวจสอบการได้รับอนุญาตของคลินิกและ
แพทย์ที่ทำการรักษาก่อนในเบื้องต้น เพราะอาจทำให้ได้รับความเสี่ยงในการวินิจฉัยและรับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง
จากบุคลากรที่ไม่ใช้แพทย์ เนื่องจากบริเวณใบหน้ามีเส้นเลือดและเส้นประสาทเป็นจำนวนมาก หากทำการฉีด
รักษาโดยบุคลากรที่ไม่ใช่แพทย์อาจทำให้ได้รับความเสี่ยงต่อการรักษาที่ผิดพลาด และเกิดผลกระทบกับ
ใบหน้าได้ง่าย บางรายอาจถึงขั้นเสียโฉมยากต่อการแก้ไข และขอเตือนไปยังผู้ที่ลักลอบกระทำความผิด ไม่ว่า
จะเป็นบุคคลที่สวมรอยเป็นหมอ, หมอเถื่อน หรือคลินิกเถื่อน ให้หยุดพฤติการณ์ดังกล่าวทันที เพราะเจ้าหน้าที่
ตำรวจจะดำเนินการจับกุมอย่างต่อเนื่อง หากตรวจพบจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาด พี่น้องประชาชนหากพบ
สถานพยาบาลหรือแพทย์ที่ต้องสงสัยว่าอาจอยู่ลักษณะหมอเถื่อน หรือคลินิกเถื่อน สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สาย
ด่วน บก.ปคบ.1135 หรือเพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค
“ผู้ต้องหาหรือจําเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคําพิพากษาถึงที่สุด”


กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง
“มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน”
1106 ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 Website : https://cib.go.th/
FB : ตํารวจสอบสวนกลาง Youtube : ตํารวจสอบสวนกลาง


Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

โพสต์ติดเทรนด์

Exit mobile version