นนทบุรี วงจรปิด เหตุทำร้ายนักศึกษา ด้านผกก.สภ.เมืองนนทบุรีเร่งตรวจสอบวงจรปิด
เมื่อวันที่ 16 ส.ค.67 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิหลังมีการประชุมร่วมระหว่างอาจารย์มหาวิทยาลัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อหามาตราการในการป้องกันเหตุ ด้านผศ.ดร.ภาสพิรุฬห์ วัชรศรีสำเริง กล่าวว่าเบื้องต้นทางมหาวิทยาลัยกำลังตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นยืนยันว่า ไม่มีนโยบายให้มีกิจกรรมรับน้อง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เป็นช่วงพักเที่ยง เป็นจังหวะที่ผู้ปกครองและผู้ก่อเหตุมาเจอกันพอดี มีปากเสียง ทะเลาะวิวาทกันจากนั้นมีอาจารย์และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ในเหตุการณ์เข้ามาห้ามและแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน ทำให้นักศึกษาที่ก่อเหตุวิ่งหนีกระจัดกระจาย เบื้องต้นได้มีการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด แล้วจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งโดยในวันนี้ได้มีการห้ามไม่ให้นักศึกษาที่ก่อเหตุเข้ามาพื้นที่มหาวิทยาลัยเพื่อป้องกัน เหตุอันตรายซ้ำและได้ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาหากพบว่ามีการกระทำความผิดจริงจะมีการลงโทษตามระเบียบวินัย โดยมีโทษสูงสุด ถึงขั้นให้ออกจากมหาวิทยาลัย
ด้านพ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี เปิดเผยว่าได้มีการประชุมกับทางมหาวิทยาลัยที่เกิดเหตุ และ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม / โดยจากการประชุมเบื้องต้น ได้รับความร่วมมือจากทางมหาวิทยาลัยเป็นอย่างดีโดยได้ขอภาพจากกล้องวงจรปิดของทางมหาวิทยาลัยเบื้องต้นทราบว่า เห็นพฤติการณ์ ของผู้ก่อเหตุทุกคน เท่าที่ทราบผู้ก่อเหตุมีจำนวนหลายคน ทราบตัวบุคคลทั้งหมดแล้ว และหนึ่งในนั้น เป็นบุคคลภายนอก ที่ไม่ใช่นักศึกษา / หลังจากนี้จะทำการออกหมายจับ ดำเนินคดีต่อไป หลังจากนี้จะมีการสอบปากคำทางผู้ปกครอง ผู้บาดเจ็บเพิ่มเติม และขอใบรับรองแพทย์มาประกอบสำนวนคดี ส่วนกรณีที่ ผู้เสียหายรู้สึกไม่ปลอดภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องนี้ได้ประสานไปยัง ผู้บัญชาการ ตำรวจในพื้นที่โรงพยาบาลนั้นๆแล้ว / ขอให้ทั้งครอบครัวมั่นใจไม่เกิดเหตุซ้ำซ้อนอย่างแน่นอน
ขณะที่นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) , ได้เปิดเผยว่า จากเหตุที่เกิดขึ้น ทางกระทรวงศึกษาธิการ ได้สั่งการไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษาฯ ให้มีการหารือร่วมกับมหาวิทยาลัย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งหารือแนวทางในการแก้ไข และป้องกันปัญหาต่างๆ โดยภายหลังจากการหารือ ทางมหาวิทยาลัยเปิดเผยว่า ไม่ได้มีการอนุญาตให้มีการรับน้องในพื้นที่มหาวิทยาลัยฯ โดยมีบทลงโทษชัดเจนหากมีการฝ่าฝืน จะมีการดำเนินการขั้นสูงสุดคือ “ไล่ออก” ซึ่งการตรวจสอบต้องใช้ระยะเวลา 2-3 วัน และในวันพรุ่งนี้ได้กำชับให้ทางมหาวิทยาลัยฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่าง ๆ พร้อมส่งข้อมูลให้ทาง อว. และคาดว่าวันจันทร์จะได้ทราบข้อเท็จจริง ว่ากิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมรับน้องจริงหรือไม่ ส่วนการทำร้ายร่างกายเด็กและผู้ปกครองภายในมหาวิทยาลัย จะมีการดำเนินคดีอาญา โดยจะดำเนินการควบคู่กันไป
ขณะที่รพ.แห่งหนึ่ง จ.นนทบุรี พ่อโต้ง กล่าวว่า ตอนนี้ตนและครอบครัวได้ทำเรื่องย้ายน้องไตเติ้ลลูกชาย ไปโรงพยาบาลอื่นแล้ว หลังจากสื่อมวลชนเสนอข่าวไปว่าลูกชายนอนอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ จนฝ่ายคู่กรณี โทรเข้ามาบอกเพื่อนๆน้อง ว่า ให้ระวังตัวไว้เดี๋ยวจะไปหาถึงโรงพยาบาล ทำให้ตนเองรู้สึกหวาดกลัวเกรงว่าลูกจะไม่ปลอดภัย จึงทำเรื่องด่วนขอจากทางโรงพยาบาล ย้ายไปลงบ้านอื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยากฝากบอกคนที่ก่อเหตุว่า ตนจะดำเนินคดีถึงที่สุดไม่มีการรับการเยียวยาหรือขอโทษ ขอให้พวกเขา มอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเลยจะดีกว่า ตอนนี้ตนก็ได้ให้น้องสาว ซึ่ง มีศักดิ์เป็นป้าของน้องไตเติ้ล เดินทางไปที่มหาวิทยาลัย ของน้องเพื่อขอกล้องวงจรปิด โดยทาง อาจารย์ของโรงเรียน รับปากว่าจะให้กล้องกับครอบครัวตน และตนเองอยากหยุดให้การสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเพราะไม่รู้ว่า ใครเป็นใครตลอดทั้งวันตนรับสายแทบไม่ไหว ไม่รู้ว่าสื่อสำนักไหน จนตอนนี้ตนก็หวาดระแวงกลัวว่าจะเป็นคู่อริลูกชาย โทรเข้ามา ปลอมเป็นคนนู้นคนนี้ เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงขอหยุดให้สัมภาษณ์สื่อก่อน
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี