นนทบุรี ต่อข่าว ภรรยาวินจยย.โต้คบชู้ แยกกันอยู่นานกว่า 2 ปี วอนเซ็นใบหย่า
จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก “เจ๊ม้อยv+” ได้โพสต์คลิปวีดีโอ พร้อมระบุข้อความว่า ”ปากเกร็ด นนทบุรี“ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ขณะที่วินรถจยย.มีเรื่องชกต่อยกับชาย-หญิงคู่หนึ่ง สังเกตเห็นว่าวินรถจยย.ขับขี่มาและได้ชกต่อยคู่กรณีก่อน 1 หมัด จากนั้นก็ถูกสวนไม่ยั้ง จนได้รับบาดเจ็บ
ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุบริเวณหน้าวัดสนามเหนือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบกับนายสมเจตน์ จันทร์แจ้ง หรือนายอั้ม อายุ 44 ปี อาชีพวินรถจยย. เบอร์ 76 หน้าโลตัสปากเกร็ด ซึ่งได้เล่าเหตุการณ์ว่า ผู้หญิงที่เห็นซ้อนท้ายรถจยย.ผู้ชายในคลิปนั่นคือภรรยาของตนเอง ชื่อว่านางพิมพ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน และจดทะเบียนสมรสกัน ตอนนี้ยังไม่ได้หย่ากัน ในวันที่เกิดเหตุก็เห็นว่าภรรยาของตนเองนั้นซ้อนท้ายผู้ชายไปต่อหน้าต่อตา ซึ่งตนเองระแคะระคายอยู่แล้วว่าภรรยาแอบมีชู้ จึงพยายามเรียกให้ทั้งคู่จอดรถจยย.แต่ทั้งคู่ไม่จอด ตนจึงขับขี่รถจยย.ไปเทียบแล้วบอกกับทั้งคู่ว่าทำไมทำกับตนแบบนี้ เอาชู้มานอนบ้านตนทำได้อย่างไร ภรรยาก็เถียงกลับมาว่า “เลิกกันแล้ว” ด้วยความโมโหก็ทำท่าจะตบตีภรรยา แต่ก็ไม่ได้ทำ และชกชู้ไป 1 ที แต่สุดท้าย ก็ถูกนายสิทธิชัย หรือนายบี (ขอสงวนนามสกุล) คู่กรณี และภรรยา ร่วมกันสาวหมัดใส่ตนแบบไม่ยั้ง จนตนเองได้รับบาดเจ็บ ศีรษะปูดบวม ฟันกรามล่างหัก จากการถูกเตะบริเวณใบหน้า เบื้องต้นแพทย์นัดผ่าตัดกราม เนื่องจากกระดูกเคลื่อน และปากแตก เนื้อตัวระบม
ล่าสุด เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 17 ส.ค. 67 ผู้สื่อข่าวได้รับการติดต่อจากนางพิมพ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี สาวชาวลาว ภรรยาของนายสมเจตน์ หรือนายอั้ม วินรถจยย. ที่ถูกกล่าวหาว่าคบชู้ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตนได้แยกทางกับนายอั้มมานานกว่า 2 ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้หย่ากัน ส่วนนายบีเป็นคนคุยหลังจากที่เลิกรากับนายอั้มแล้ว เหตุการณ์ในคลิปที่เป็นข่าว เกิดขึ้นหลังจากที่ตนไปตลาดและนายบีไปรับ จากนั้นได้บังเอิญมาเจอนายอั้ม และถูกนายอั้มวนรถมาชน พร้อมตะโกนด่านายบี ตนถูกนายอั้มต่อยเข้าที่ใบหน้า 2 ครั้ง จนบาดเจ็บและมีรอยฟกช้ำ นายบีจึงเข้ามาช่วยเพราะเห็นตนถูกทำร้าย ตนจึงอยากออกมาแก้ข่าวว่าความจริงเป็นอย่างไร ตอนนี้ตนได้ย้ายออกมาอยู่กับลูกอีก 2 คน ช่วงที่คบกับนายอั้มตนถูกตบตีตลอดจนทนไม่ไหว วันนี้อยากมายืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าตนไม่ได้คบชู้ ซึ่งตนเคยขอหย่ากับนายอั้มมาหลายครั้งแต่ไม่เคยได้ ยืนยันว่าต่อให้นายอั้มมาง้อขอคืนดีตนก็ไม่กลับไปอยู่ด้วย ตนอยากกลับไปอยู่ลาว สิ่งที่นายอั้มอ้างว่าพาตนไปทำเอกสารต่างๆเพื่อต่อใบอนุญาตอยู่อาศัยภายในประเทศ ตนเป็นคนดำเนินเรื่องเอง นายอั้มไม่เคยไปบ้านหรือพบเจอหน้าพ่อแม่ของตนเลยสักครั้ง อยู่กับนายอั้มมา 10 กว่าปี ความอดทนมีขีดจำกัด ตนทนไม่ได้เลยเลือกออกมา อยากขอร้องให้นายอั้มมาเซ็นใบหย่าให้ตนเรื่องจะได้จบ หลังจากนี้ต่างคนต่างทำมาหากินและเลี้ยงลูกไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกัน
ด้านน.ส.ซัน (นามสมมุติ) พี่สาวของนายสิทธิชัย หรือนายบี ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นชู้กับนางพิมพ์ เล่าว่า ตนเป็นเพื่อนร่วมงานกับน้องพิมพ์ และรับรู้ปัญหาครอบครัวของเขามานาน ส่วนน้องชายตนก็กำลังศึกษาดูใจกันอยู่หลังจากที่น้องพิมพ์แยกกันอยู่กับสามีเขามาหลายปีแล้ว ส่วนการที่นายอั้มมากล่าวหาว่าน้องชายของตนเป็นชู้มันเสียหาย ทั้งคลิป และคอมเมนต์ต่างๆ น้องชายตนได้รับความเสียหายมาก ในคลิปนั้นจะเห็นน้องพิมพ์โดนทำร้าย และน้องชายตนเข้าไปช่วย จะให้ยืนดูเฉยๆก็ไม่ใช่ ซึ่งจริงๆนายอั้มตั้งใจมาทวงรถจยย.ของแม่เขาคืน ไม่ได้จะมามีเรื่องเพราะเห็นน้องพิมพ์มากับน้องชายของตน อยากให้นายอั้มพูดความจริง ตนเห็นข่าวแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ตั้งใจว่าวันจันทร์จะไปแจ้งความเพิ่ม ส่วนเรื่องหย่าร้างกันระหว่างนายอั้มกับน้องพิมพ์ เคยมีการพูดคุยกันมาหลายครั้ง ตนรับรู้และลางานเพื่อไปเป็นพยานให้ 2-3 ครั้ง สุดท้ายนายอั้มก็ไม่ไป ทำเหมือนเล่นขายของ ตนอยากเจอและอยากให้นายอั้มพูดความจริง
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต
ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี