อาชญากรรม

ตำรวจสืบสวนบางพลี ใช้เวลา ไม่เกิน 24 ชั่วโมง จับคนร้ายได้สำเร็จ

Published

on

สืบบางพลี ใช้เวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง รวบตีนแมวย่องงัดสำนักงานตลาดกลางดึก ฉกทองคำหนัก 25 บาท ก่อนนำไปขายได้เงินร่วมล้านบาท
เมื่อหัวค่ำที่ผ่านมา เวลา 18.00 น วันที่ 16 กันยายน 2567 พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี / พ.ต.ต.สันติราษฎร์ เงินมั่น สว.สส.สภ.บางพลี พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บางพลี ร่วมกันจับกุม นายอนุวัฒน์ หรือหนิง อายุ 18 ปี และ นางสาวณัฐพิมล อายุ 42 ปี ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หรือ รับของโจร โดยใช้ยานพาหนะ พร้อมของกลาง เงินสด จำนวน 909,650 บาท / แหวนทอง น้ำหนัก 7.6 กรัม 2 วง / พระเลี่ยมทอง 7 องค์ / นาฬิกา 1 เรือน พร้อมเครื่องแต่งกายในคืนก่อเหตุ โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวทั้งคู่ได้ภายใน ซอยหลังคาแดง ถนนสุวรรณภูมิ สาย 3 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
โดยสืบเนื่องจาก เมื่อช่วงสายวันนี้ ( วันที่ 16 กันยายน 2567 ) เวลาประมาณ 11.03 น. ทางผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.บางพลี ว่าเมื่อช่วงกลางดึกคืน ( วันที่16 กันยายน 2567 ) เวลาประมาณ 00.42 น มีคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ทองคำ น้ำหนัก 25 บาท และ รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า MSX ภายในสำนักงานตลาดแห่งหนึ่ง ในตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบ นายไพรินทร์ อายุ 56 ปี ( ผู้เสียหาย ) ให้การว่าได้นำ ทองคำรูปพรรณ และ เงินสดจำนวนหนึ่ง เก็บไว้ในลิ้นชักทำงานภายในสำนักงานตลาด ต่อมาวันที่ 16 กันยายน 2567 เวลา 07.00 น.จึงทราบว่าทองคำรูปพรรณ และ เงินสดจำนวนหนึ่ง พร้อมทั้งรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า รุ่น MSX ได้หายไป เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบคนร้ายได้เข้ามาลักทรัพย์ภายในสำนักงานตลาด เวลาประมาณ 00.39 น. ของวันที่ 16 กันยายน 2567 จึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดต่อไปจนถึงหน้าห้องเช่าแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 6 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ พบ ชายต้องสงสัยนั่งอยู่บนรถจักรยานที่ที่ใช้ในการก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวและขอทำการตรวจค้น จากการสอบถามทราบชื่อ นายอนุวัฒน์ หรือหนิง อายุ 18 ปี ให้การรับสารภาพว่าได้เข้าไปลักทรัพย์ทองคำรูปพรรณและเงินสดจำนวนหนึ่ง พร้อมทั้ง รถจักรยานยนต์ จากตลาดดังกล่าวจริง และได้ให้ นางสาวณัฐพิมล อายุ 42 ปี นำ ทองคำรูปพรรณจำนวนหนึ่งไปขายที่ร้านทอง ได้เงินสด จำนวน 909,650 บาท และนำแหวนทองคำไปเปลี่ยนรูปพรรณที่ร้านทอง เจ้าหน้าที่จึงนำตัว นายอนุวัฒน์ และ นางสาวณัฐพิมล พร้อมของกลางที่ยึดได้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางพลี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี กล่าวว่า เคสนี้ผู้เสียหายมาแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ว่าทรัพย์สินซึ่งเป็นทองรูปพรรณจำนวน 25 บาท และแหวนทองอีก 2 วง พระเครื่อง และเงินสดจำนวนหนึ่ง ได้หายไปจากออฟฟิศของเขา ที่อยู่บริเวณตลาดโรงเป็ด ถนนเส้นสุขาภิบาล 6 หลังจากได้รับแจ้ง ทางเจ้าหน้าที่สืบสวนก็สืบหาตัวผู้ก็เหตุจนเจอ พอทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้วจึงได้มีการไปดักรอ และรวบตัวเอาไว้ได้เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 16 กันยายน 2567 และได้มีการสอบสวนผู้ต้องหา ผู้ต้องหาให้การว่าเมื่อคืนนี้ เวลาประมาณตี 1 ได้ปั่นจักรยานผ่านไปตรงที่เกิดเหตุและเห็นว่าออฟฟิศปิดอยู่จึงได้เข้าไปถอดกระจกบานเลื่อนออกและทำการก่อเหตุลักทรัพย์ ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมด 25 บาท พระเหลี่ยมทอง นาฬิกา แหวนทอง 2 วงและเงินสดอีก 30,000 บาท หลังจากก่อเหตุเสร็จได้เอาของทั้งหมดไปให้แม่บุญธรรม และให้แม่บุญธรรมเอาทองไปขายในเขตเมืองสมุทรปราการและได้เงินสดมาจำนวน 900,000 กว่าบาท แต่ยังไม่ทันจะยักย้ายไปที่ไหน ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวได้ จากการสอบถามแล้วเขาไปได้ก่อเหตุครั้งแรก เคยก่อเหตุที่อื่นมาก่อน ลักษณะของการก่อเหตุ ถ้าสบโอกาสเมื่อไหร่ก็จะก่อเหตุ วิธีการก็จะใช้การปั่นจักรยานไปเรื่อย ๆ เพื่อหาเป้าหมายและเคยก่อเหตุในสถานที่ที่เจ้าตัวทำงานก็มี จากการตรวจสอบประวัติยังไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม ด้วยความที่ตอนนี้เขาเพิ่งอายุ 18 ก็เลยยังไม่เคยถูกจับ และสถานที่ไหนที่คนก่อเหตุรู้จักหรือมีช่องทางเขาก็จะเข้าไปทำการก่อเหตุ จากการสอบถามตัวเขาเองประกอบอาชีพ รปภ. ส่วน แม่บุญธรรม ไม่ได้งาน
นายอนุวัฒน์ เล่าว่า เมื่อคืนช่วงตี 1 ตนปั่นจักรยานเข้าไปในตลาด เห็นว่ามันมืดเลยเข้าทำการลักทรัพย์ ตนเคยทำแบบนี้มาแล้ว แต่ได้เล็กน้อย ครั้งนี้ครั้งแรกที่ได้มาเป็นจำนวนมาก ตอนเข้าไป ตนสำรวจก่อน พอหากุญแจแถวนั้นได้ ก็เลยไขลิ้นชักเอาของออกมาได้ ที่เอามาก็มีทอง มีเงินสด และอาวุธที่เป็นของเล่น เงินที่ได้มาตนก็จะนำมาใช้ส่วนตัว ตนไม่ติดพนัน ไม่ติดยา ตนไม่ได้เรียน ตนทำงานมานานแล้ว ทำอาชีพ รปภ. สิ่งที่ทำให้ตนตัดสินใจก่อเหตุ เพราะตนเคยก่อเหตุมาแล้ว และด้วยความที่ตนอยากได้ ตนรู้ว่ามันใช้คำว่าจำเป็นไม่ได้ มันเป็นเพราะตนอยากได้นั่นแหละ ตอนนั้นตนปั่นจักรยานมาเรื่อย ๆ มาจากฝั่งสนามบิน แล้วพอมาเจอที่นี่เห็นว่ามันมืดดี ก็เลยทำการเข้าก่อเหตุ กับ ผู้เสียหาย ตนก็อยากจะบอกว่าตนถูกจับแล้วตอนนี้ และ ตนก็ต้องขอโทษด้วย
นางสาวณัฐพิมล เล่าว่า ตนเป็นป้าของเขาเป็นพี่สาวของแม่เขาแต่แม่เขาเสียไปแล้ว ตนก็เลยเลี้ยงเขามาตั้งแต่ยังเด็ก ตนรู้ว่าเขาเคยทำแบบนี้ เพราะตอนอยู่โคราชเขาเคยเงินยาย แต่ก็ไม่เคยเยอะแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่จำนวนเยอะ ตอนที่เขาไปขโมยมาเขาก็เอาเงินกับทองมาให้ตน เขาบอกกับตนว่าเขาไปเจอมาที่ตีนสะพาน ไม่ได้ไปขโมยมา แล้วยังบอกอีกว่าเขาไม่รู้ว่าใครทำล่วงไว้ ไม่รู้ว่าของใคร เขาดีใจก็เลยรีบเอามาให้ตน ตนก็มีส่วนผิดที่ตนโลภ อยากได้เงิน ไม่ทันคิดอะไร แล้วก็ดีใจด้วยเพราะคิดว่าหลานไม่ได้ไปขโมยใครมาเลยรีบเอาไปขาย ตอนเอาไปขายตนแบ่งขายเป็นเส้น ๆ มันมี 3 เส้น เส้นละ 10 บาท 2 เส้น เส้นละ 5 บาท 1 เส้น เอาไปแบ่งขายเส้นละร้าน ร้านทองที่เอาไปขายก็อยู่ใกล้ ๆ กัน พอได้เงินมาตนก็ยังไม่ได้เอาไปทำอะไรเลย หลานก็มาโดนจับได้ก่อน ตอนเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับหลานตนก็ตกใจ ตัวหลานเองก็ยังบอกว่าไปเจอมา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าเขาไปขโมยมา ตนก็ตกใจ ตอนนั้นก็ยังถือเงินอยู่ด้วยเพราะกำลังจะเอาไปเข้าบัญชี ตนอยากจะเตือนหลายให้เขาคิดเอาเอง เขาโตแล้ว น่าจะรู้แล้วว่าสิ่งที่ทำมันไม่ดี ตนเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก เพราะก็เครียดมาก ๆ
นายไพรินทร์ อายุ 56 ปี ( ผู้เสียหาย ) เล่าว่า เมื่อคืนตนก็ยังไม่ทราบเรื่อง เพิ่งจะมารู้ตอนช่วง 8 โมงเช้าของวันนี้ เพราะว่ามีกุญแจคาอยู่ที่ลิ้นชัก เลยรีบตรวจสอบเลยได้รู้ว่ามีของหาย และรีบเข้าแจ้งความ ทรัพย์สินที่หาย มีทอง 25 บาท และจักยานยนต์ มูลค่าความเสียหายน่าจะเป็นล้าน ที่นี่ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เพราะไม่ค่อยมีใครเข้ามายุ่งอยู่แล้วในตลาด ปกติก็ไม่ค่อยได้เก็บของไว้ ตนอยากจะฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่สายสืบที่ใช้เวลาไม่ถึงวันก็สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้

*** ก๊วก สมุทรปราการ 0876122558 // 0628122158 *** บัณฑิต ชวาลา ***


Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

โพสต์ติดเทรนด์

Exit mobile version