นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ
ผบ.ฉก.นราฯประชุมเข้มเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบ้านพักอุทยานถูกวางเพลิงขโมยปืน หลังพบระเบิดบึ้มอีก2ลูก
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 ก.ย.67 ที่ห้องประชุมหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 11 ต.โละจูด อ.แว้ง จ.นราธิวาส พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผบ.ฉก.นราธิวาส ได้เป็นประธานในที่ประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปเหตุการณ์คนร้าย จำนวน 20 คน บุกเผาบ้านพักของเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา บ้านบาลา ม.5 ต.โละจูด อ.แว้ง ในช่วงคืนที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหลบหนีคนร้ายได้ใช้ระเบิดทำการเปิดเซฟคลังอาวุธปืน ที่เก็บไว้บริเวณภายในสำนักงาน พร้อมทั้งได้เอาอาวุธปืนลูกซอง จำนวน 10 กระบอก และลอบวางเพลิงบ้านพักได้รับความเสียหายรวม 4 หลัง ก่อนที่จะหลบหนีขึ้นเทือกเขาหลังอาคารบ้านพักของอุทยานแห่งชาติ
ซึ่งในที่ประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้สรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า ในช่วงเวลาประมาณ 18.30 น. ได้มีคนร้ายอำพรางตัวด้วยชุดดำ ประมาณ 20 คน มีอาวุธปืนครบมือเดินเลี่ยงลงจากภูเขาหลังบ้านพัก โดยมีเจ้าหน้าที่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพบเห็นคนร้าย คนร้ายจึงได้ทำการควบคุมเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว เดินไปสมทบกับเจ้าหน้าที่อีก 3 คน ที่อาศัยอยู่ในบ้านพักหลังขวาสุดกับที่ตั้งขอสำนักงาน จากนั้นคนร้ายได้ทำการมัดมือมัดเท้าเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 คน รวมกันไว้ในบ้านพักหลังดังกล่าว พร้อมสอบถามถึงที่เก็บอาวุธปืนของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดย 1 ใน 4 เจ้าหน้าที่ที่ถูกพันธนาการ ได้บอกกับคนร้ายว่าอาวุธปืนเก็บไว้ในตู้เซฟของสำนักงาน จากนั้นคนร้ายบอกว่าเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณก็ให้สามารถช่วยเหลือตัวเองหลบหนี จากนั้นคนร้ายจำนวนหนึ่งได้เดินไปที่สำนักงานเพื่อเปิดตู้เซฟเก็บอาวุธปืน โดยคนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องไม่ทราบชนิดาชนะบรรจุ ได้จุดชนวนระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง ซึ่งคาดว่าคนร้ายได้อาวุธปืนลูกซองไปจำนวนหนึ่ง หรือประมาณ 10 กระบอก ซึ่งก่อนหลบหนีคนร้ายได้วางเพลิง จำนวน 3 จุด คือ 1.อาคารบ้านพักของนายณรงค์ศักดิ์ พงศ์ดี หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ 2. บ้านพักของเจ้าหน้าที่ระดับ 1 และ 2 และ 3. บ้านพักของเจ้าหน้าที่ระดับ 3 และ 4 ที่กันไว้ให้นักท่องเที่ยวพัก หากรวมตัวอาคารสำนักงานก็จะเป็น 4 หลัง จากความเสียหายจากแรงระเบิด
ต่อมา พล.ต.เฉลิมพร ผบ.ฉก.นราธิวาส ได้จัดกำลังวางมาตรการในการเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ โยจะใช้เจ้าหน้าที่ชุดสุนัขสงคราม เจ้าหน้าที่ทหารชุดป่าภูเขา และเจ้าหน้าที่ชุด อี.โอ.ดี. ร่วมกันเดินทางตรวจสอบรายทาง 2 ฝากฝั่งของถนนที่มุ่งสู่จุดเกิดเหตุ เกรงคนร้ายอาจจะมีการวางแผนลวงเพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่ ขณะเดินทางเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ซึ่งในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังผสมอีก 1 ชุดกำลังปิดเส้นทางเพื่อให้เจ้าหน้าที่ อี.โอ.ดี.และส่วนที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบเส้นทางอยู่นั้น ในช่วงเวลา 10.03 น.ได้เกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหวอีก 1 ลูก ซึ่งคาดว่าคนร้ายได้แอบซุกซ่อนระเบิดเพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่ขณะเข้าตรวจสอบอาคารสำนักงาน และในช่วงเวลา 11.03 น. ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นอีก 1 ลูก รวมเป็น 2 ครั้ง ซึ่งคาดว่าคนร้ายได้ซุกซ่อนระเบิดไว้เพ่อดักสังหารในบริเวณที่เดียวกัน
ด้าน พ.ต.อ.เสกสรร เขียดสังข์ รองผู้กำกับสอบสวน สภ.บูเก๊ะตา ได้กล่าวสรุปการสอบสวน นายมานพ ดีขุนทด 1 ใน 4 เจ้าหน้าที่ที่ถูกพันธนาการ ให้การว่า ขณะที่อาศัยอยู่ในบ้านพักด้านหลังยื้อกับตัวอาคารสำนักงาน ตนได้ยินเสียงตะโกนแบบผิดปกติจึงได้เดินออกมาดูที่หน้าบ้านพัก พบกลุ่มคนร้ายจำนวนหนึ่งกำลังเดินผ่าน ตนจึงได้ถูกคนร้ายควบคุมตัวไปยังบ้านพักของเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ด้านขวาสุด พร้อมทั้งได้ควบคุมเจ้าหน้าที่ในบ้านพักหลังดังกล่าวเพิ่มเติมอีก 3 คน รวมเป็น 4 คน พร้อมทั้งได้มัดมือมัดเท้าพวกตนทั้ง 4 คน และคนร้ายได้ถามว่าอาวุธปืนของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเก็บไว้ที่ไหน ตนจึงบอกไปว่าอาวุธปืนจะถูกเก็บไว้ในตู้เซฟภายในอาคารสำนักงาน จากคนร้ายได้เดินเข้าไปในอาคารสำนักงาน และคาดว่าคนร้ายได้ใช้ระเบิดที่เตรียมมาเป็นอุปกรณ์ในการเปิดตู้เซฟที่เก็บอาวุธปืนลูกซอง และได้หยิบอาวุธปืนลูกซองซึ่งคาดว่ามีจำนวน 10 กระบอกหลบหนีไป ซึ่งก่อนหลบหนีคนร้ายได้ช่วยกันลอบวางเพลิงบ้านพักอีก 3 หลัง พร้อมทั้งได้เอาโทรศัพท์มือถือ ไอแพท สร้อยคอทองคำ พระเหลี่ยมทอง อาวุธปืนพก ขนาด 9 ม.ม.ก่อนที่คนร้ายจะเดินขึ้นเขาหลบหนีไป
ด้านนายณรงค์ศักดิ์ พงศ์ดี หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา กล่าวในที่ประชุมพอสรุปว่า ขณะเกิดเหตุตนพึ่งกลับจากราชการนอกพื้นที่ ก็ได้สอบถามผู้ใต้บังคับบัญชา ก็เหมือนกับข้อเท็จจริงที่ได้มีการสรุปในที่ประชุม แต่อาวุธปืนที่หายไปจากตู้เซฟยังไม่แน่ชัดว่ากี่กระบอก แต่คนร้ายที่ร่วมก่อเหตุมีการพูดภาษาท้องถิ่นและยาวี หลังจากคนร้ายได้หลบหนีไปผู้ใต้บังคับบัญชาได้ตรวจสอบที่อาคารสำนักงานพบว่าตู้เซฟที่เก็บอาวุธปืนได้เปิดออก โดยอาวุธปืนลูกซองในตู้เซฟออกไปหมด เหมือนลักษณะคนร้ายมีเป้าหมายมาปล้นอาวุธปืนโดยไม่มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด