อาชญากรรม จับแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย Published 6 วัน ago on พฤศจิกายน 19, 2024 By admin3 apirat ชุมพร – จับแรงงานต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานและหลบหนีเข้าเมืองไม่ได้รับอนุญาตวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 เวลา 14.30 น เจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดชุมพรร่วมกับ กอ.รมน.จว.ช.พ. โดย จนท.ปฏิบัติการฝ่ายการข่าวฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร เจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (จังหวัดชุมพร) เจ้าหน้าที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชุมพร เจ้าหน้าที่ตำรวจกองร้อยตชด. 414 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองชุมพร เจ้าหน้าที่สายตรวจตำบลหาดพันไกร ลงพื้นที่ตรวจสอบ ไซต์ก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมคลองท่าตะเภา หมู่ที่ 6 ตำบลหาดพันไกร อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพรได้ร่วมกันจับกุม MISS WAI WAI LIN (นางสาวเวย เวย ลิน) เพศหญิง อายุ 19 ปี สัญชาติเมียนมา และพวกรวม 11 คน โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน ตามมาตรา 8 แห่งพระราชกำหนด การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 และเป็นคนต่างด้าวอยู่ใ ราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการอนุญาตสิ้นสุด หรือถูกเพิกถอน ตามมาตรา 81 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ได้แจ้งสิทธิ์ให้ผู้ถูกจับ ทราบว่า ๑. ผู้ถูกจับมีสิทธิ์ที่จะไม่ให้การหรือให้การก็ได้ ๒. ถ้อยคำของผู้ถูกจับนั้นอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้ ๓. ผู้ถูกจับมีสิทธิจะพบและปรึกษาทนายความหรือผู้ซึ่งจะเป็นทนายความ ๔. ผู้ถูกจับประสงค์จะแจ้งให้ญาติ หรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจทราบถึงการจับกุมที่สามารถดำเนินการได้โดยสะดวกและไม่เป็นการขัดขวางการจับหรือการควบคุมถูกจับ หรือทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด เจ้าพนักงานสามารถอนุญาตให้ผู้ถูกจับดำเนินการได้ตามสมควรแก่กรณี 5. ได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกิดการเจ็บป่วยเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าจับกุม ตามคำสั่งจังหวัดชุมพรที่ 4103/2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวและนายจ้าง/สถานประกอบการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ออกปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบ จับกุมผู้กระทำความผิดตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 ได้เข้าตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าว ไซต์ก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมคลอง ท่าตะเภา หมู่ที่ 6 ตำบลหาดพันไกร อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ขณะเข้าตรวจสอบพบคนต่างด้าวกำลังทำงานอยู่ภายในไซต์ก่อสร้างดังกล่าวจำนวน 11 คน เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงบัตรเพื่อขอตรวจสอบใบอนุญาตทำงานและหนังสือเดินทาง ปรากฏว่าคนต่างด้าวทั้ง 11 คน ไม่สามารถแสดงใบอนุญาตทำงานและหนังสือเดินทางแก่เจ้าหน้าที่ได้ ทราบชื่อภายหลังคือ MISS WAI WAI LIN (นางสาวเวย เวย ลิน) เพศหญิง อายุ 19 ปี สัญชาติเมียนมา จากการสอบข้อเท็จจริงคนต่างด้าวให้การว่า ตนเองได้เดินทางหลบหนีเข้ามาประเทศไทยทางจังหวัดเชียงราย เพื่อมาหางานทำในประเทศไทย ซึ่งมีนายหน้าพามาส่งที่จังหวัดชุมพรและทำงานที่ไซต์ก่อสร้างดังกล่าว ประมาณเดือนเมษายน โดยทำงานในหน้าที่ผูกเหล็ก เวลา 08.00- 17.00 น.ซึ่งทำงานมาแล้วเป็นระยะเวลา 7 เดือน ได้รับค่าจ้างวันละ 350 บาท โดยนายจ้าง(นายภานุพงษ์ นิยมลาภ) ชาวไทย จะเป็นคนจ่ายค่าจ้างเป็นเงินสด เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ MISS WAI WAI LIN (นางสาวเวย เวย ลิน) ทราบว่า เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน ตามมาตรา 8 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 และเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการอนุญาตสิ้นสุด หรือถูกเพิกถอน ตามมาตรา 81 แห่พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ซึ่ง MISS WAI WAI LIN (นางสาวเวย เวย ลิน) ผู้ต้องหาทราบและเข้าใจข้อกล่าวหาดีแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมกับแจ้งสิทธิให้ทราบ จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองชุมพร พร้อมภาพถ่ายตามเอกสารแนบเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ในการควบคุมตัวผู้ถูกจับ เจ้าหน้าที่ผู้จับกุมได้ทำการบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมตัวผู้ถูกจับในชั้นจับกุมจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวน ตามมาตรา ๒๒ วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้สูญหาย พ.ศ.๒๕๖๕จากการสอบถามเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่แรงงานต่างด้าวให้การณ์ว่าได้เดินทางมาจากจังหวัดตาก โดยข้ามมาประเทศไทยในเส้นทางธรรมชาติบริเวณอำเภอแม่สอด และเดินทางไปในที่ต่างๆของประเทศไทย เมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในเดือนเมษา และทั้ง 11คนเดินทางมาที่จังหวัดชุมพร เพราะมีคนต่างด้าวที่มาทำงานอยู่ที่จังหวัดชุมพรอยู่ก่อนแล้วติดต่อให้มาทำงานที่จังหวัดชุมพร ในช่วงที่เดินทางมาที่จังหวัดชุมพรได้มีคนไทยมาส่งโดยใช้รถกระบะบรรทุกมาเป็นรถกระบะที่ไม่มีหลังคาหรือตู้ทึบแต่งวอย่างไร โดยนั่งโดยสารมาหลังกระบะเช่นกับนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินทางฉลองเทศกาลสงกรานต์ที่มีวันหยุดยาวของประเทศไทย ในการจับกุมครั้งนี้ เจ้าพนักงานผู้จับกุมได้ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยไม่ได้บังคับ ขู่เข็ญ มิได้ทำให้ทรัพย์สินของผู้หนึ่งผู้ใดสูญหาย เสียหาย หรือเสื่อมค่าแต่ประการใด และมิได้ทำร้ายร่างกายผู้หนึ่งผู้ใดให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และมิได้นำเอาทรัพย์สินของผู้ใดมาเป็นประโยชน์แก่ตน หรือผู้อื่นแต่อย่างใด อีกทั้งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งสิทธิขณะจับกุมให้ผู้ถูกจับกุมทราบแล้ว และเจ้าพนักงานได้แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุ แห่งการจับกุมให้ผู้ถูกจับกุมทราบและเข้าใจดีแล้ว และเจ้าหน้าที่ได้อ่านให้ผู้ถูกจับฟังแล้ว (ผ่านล่ามแปลภาษา) แล้ว ผู้ถูกจับรับว่าถูกต้องทุกประการ จึงได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ได้มอบสำเนาบันทึกการจับกุมให้กับ ผู้ถูกจับแล้ว จำนวน ๑ ฉบับ ได้ควบคุมตัวส่งมอบให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เพื่อดำเนินการตามกฏหมายและผลักดันออกนอกประเทศต่อไป Related Topics: Leave a Reply ยกเลิกการตอบอีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *ความเห็น * ชื่อ * อีเมล * เว็บไซต์ บันทึกชื่อ, อีเมล และชื่อเว็บไซต์ของฉันบนเบราว์เซอร์นี้ สำหรับการแสดงความเห็นครั้งถัดไป Δ{{#message}}{{{message}}}{{/message}}{{^message}}Your submission failed. The server responded with {{status_text}} (code {{status_code}}). Please contact the developer of this form processor to improve this message. Learn More{{/message}}{{#message}}{{{message}}}{{/message}}{{^message}}It appears your submission was successful. Even though the server responded OK, it is possible the submission was not processed. Please contact the developer of this form processor to improve this message. Learn More{{/message}}Submitting… โพสต์ติดเทรนด์ ประชาสัมพันธ์3 เดือน ago เทศกาลไหว้พระจันทร์ กับขนมไหว้พระจันทร์ ภูมิภาค2 เดือน ago นครนายก – พิธีแต่งตั้งเจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ เลขานุการเจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะตำบล ในเขตคณะสงฆ์ภาค 12 (นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว) ภูมิภาค1 เดือน ago นครนายก – พิธีเปิดและปิดโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของผู้ประกอบการส่องแก่งนครนายก พร้อมมอบใบประกาศนียบัตรแด่วิทยากรและผู้ที่เข้าอบรม ภูมิภาค1 เดือน ago 181067พะเยา ชื่นชมดาบตำรวจเมืองพะเยาขายข้าวแกงเสริมรายได้สู้ภัยเศรษฐกิจ18 ต.ค. 67 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังร้านข้าวแกงที่ชื่อ“ข้าวราดแกงจิตราพร”บริเวณข้างที่ทำการไปรษณีย์หนองระบูอำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา ที่ชาวบ้านแห่ชื่นชมความขยันของดาบตำรวจสุมิตร ใสสม ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองพะเยา ปัจจุบันช่วยราชการตำรวจศาลจังหวัดพะเยาภาพที่ชาวบ้านและลูกค้าเห็นจนติดตาทุกเช้าและชื่นชมดาบตำรวจสุมิตร ใสสมที่กำลังจัดเตรียมเปิดร้านขายข้าวแกงที่ชื่อ “ข้าวราดแกงจิตราพร”ริมถนนพหลโยธิน อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยาที่เตรียมข้าวของเครื่องใช้ อาหารพร้อมขายให้กับลูกค้าในแต่ละวันดาบฯสุมิตร กล่าวว่าตนเองและภรรยานางจิตราพร ใสสมจะช่วยกันมาขายข้าวราดแกงเพื่อเป็นรายได้เสริมลำพังเงินเดือนข้าราชการตำรวจเพียงอย่างเดียวแทบจะไม่พอเพราะต้องมีค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียนของลูกสาวทั้งสองคน ซึ่งภรรยาและตนเองนั้นมีฝีมือในการทำอาหาร ก็เลยตกลงมาขายข้าวราดแกงเพื่อเป็นรายได้เสริมโดยตนเองนั้นจะเป็นคนจัดเตรียมวัตถุดิบต่างๆตามที่ภรรยาจะทำอาหารตามเมนูของแต่ละวันตั้งแต่ซื้อของ ตัด หั่น ซอยและจัดบริเวณภายในร้านเพื่อให้ลูกค้ามารับประทานอาหารทั้งช่วยเสิร์ฟอาหาร เติมน้ำ เก็บกวาดร้าน ทำทุกอย่าง โดยจะเริ่มทำกับข้าวตั้งแต่ตีสามของทุกวัน ภรรยาเตรียมเครื่องแกงเตรียมไว้พร้อมปรุงตั้งแต่ 05.30น.เริ่มขายตั้งแต่เวลา07.00 น.จนกระทั่งถึงเวลาไปทำงานก็จะไปปฏิบัติงานทันทีโดยไม่กระทบต่อเวลาทำงานที่ทำซึ่งราคาข้าวแกงเริ่มต้นที่ราคา 30บาทเป็นต้นไปขายหมดทุกวันปิดร้านก็ประมาณ 10.00 น.ทุกวันหยุดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์และต้องขอบอกร้านข้าวแกงจิตราพรที่นี่รสชาติอร่อย ปริมาณมาก ราคาถูก ซึ่งรายได้เสริมได้อยู่ประมาณ 700-800บาทต่อวันซึ่งสร้างความประทับใจ และเสียงชื่นชมจากลูกค้า กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมากและแห่กันมาอุดหนุนอย่างต่อเนื่องในแต่ละวันและมีความรู้สึกดีๆ ที่เห็นตำรวจไม่อายทำกิน โดยการทำอาชีพเสริมที่สุจริตไม่ต้องไปเบียดเบียนใคร เสริมรายได้สู้ภัยเศรษฐกิจ ที่สำคัญหา ค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียนของลูกสาวทั้งสองคน อีกด้วย ภูมิภาค3 เดือน ago ปราจีนบุรี-เทคนิคปราจีนบุรีมอบโล่เชิดชูเกียรติสถานประกอบการร่วมจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ภูมิภาค1 เดือน ago นครนายก – ศิษยานุศิษย์มอบเงินและลอตเตอรี่ ที่ถูกรางวัลให้วัดธรรมปัญญา รวมเป็นเงินจำนวน 122,000 บาทเพื่อใช้ในงานทอดกฐินสามัคคี