รพรักษาผิดชีวิตเปลี่ยน สาว PR ร้องสื่อท้องนอกมดลูกเข้ารักษารพเอกชนถูกหมอฉีดยาจนแพ้หนัก เผยความในใจทั้งน้ำตาในวันที่นอนรพกลับถูกพยาบาลจับกลุ่มนินทาจนกลายเป็นตัวตลกในสายตา ด้านมารดาวอนหมอผู้เชี่ยวชาญอนุเคราะห์หาทางรักษาลูก
เมื่อช่วงสายวันที่ 3 มีนาคม 68 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านพักหลังหนึ่ง ในตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเข้าพูดคุยและเยี่ยมเยียน น้องแนน สาววัย 35 ปี ที่เธอล้มป่วยกะทันหันจากผลค้างเคียงของการแพ้ยาจนทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไปหนักมาก โดยเราพบว่าสภาพร่างกายเธอนั้นมีลักษณะของอาการไหม้จนจนเกิดแผลตามทั่วร่างกาย ใบหน้าบวม ผมล่วงจนหมดศีรษะ
นางสาว แนน (เบลอคาดตาของน้อง ) เล่าทั้งน้ำตาให้กับนักข่าวเราฟังว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นมานี้ ก่อนหน้านี้ประมาณต้นเดือนปลายปีที่ผ่านมาเธอตรวจครรภ์แล้วพบว่ามีการตั้งครรภ์ จึงไปฝากครรภ์กับทางโรงพยาบาลรัฐตามปกติ ต่อมาช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ตนรู้สึกปวดท้องรุนแรง จึงไปโรงพยาบาลเอกชนตามสิทธิ์ของประกันสังคม จึงมีการ อัลเตอร์ซาวนด์ ให้ และเจอถุงการตั้งครรภ์ แต่เขาบอกว่ามันดูแปลกๆ จึงนัดมาอีกวัน ให้ตนมาเจอ หมอสูติ หมอก็ยืนยันว่า ตนท้องน้องหมดลูก แล้วก็บอกว่า ก้อนเลือดมันยังไม่แตกต้องทำการรักษา ด้วยการฉีดยาละลายก้อนเลือด ให้มันฝ่อ แล้วหมอก็มีการ บอกว่าผลข้างเคียงจะมีอาการคลื่นไส้ และอาเจียน ตนก็รับรู้แล้ว// ตนมีประวัติ แพ้ยา พวกยาฆ่าเชื้อ และอย่าบลูเฟ่น ตนมีประวัติการแพ้ยา และมีบัตร เวลามาที่นี่ทุกครั้งตนก็จะยื่นบัตร การแพ้ยาให้ ซึ่งเขาก็น่าจะรู้/// หลังจากที่เขาบอกแบบนั้น ตนก็ได้นอนโรงพยาบาล ช่วงประมาณ 6โมง เขาก็มาฉีดยาให้ และบอกว่ามีผลข้างเคียงแค่เรื่องนี้นะ และมีการงดน้ำงดอาหารอยู่ 2วัน ก่อนที่จะมาฉีดให้ พอช่วงประมาณ 00.00 น. ก็มีเลือดออกมา ตนเริ่มมีอาการกระสับกระส่ายตัวร้อนและหนาว และประมาณ 02.00 น.ก็มีเลือดออกมาอีก ตนก็ เรียกพยาบาลให้มาดู เขาก็เอาผ้าอนามัยมาใส่ให้ และพอผ่านไปอีก วัน เข้าวันที่สองเขาก็มาฉีดยาให้เหมือนเดิม อีกหนึ่งเข็ม และอาการก็เป็นเหมือนเดิม และมีก้อนเลือดออกมา ตนก็ได้มีการโทรหาแฟน บอกว่าก็เลือดออกมาแล้วนะตนก็โล่งแล้ว แต่ก็ยังมีไข้อยู่ เหมือนมันมีไข้มาตลอด แต่ก็กินยา หลังจากวันนั้นตนก็มีการนอนพัก อีก 2 วัน จนครบ 4 วัน หมอก็มีการมาตรวจและถามการ ว่าดีขึ้นหรือไม่ ตนก็บอกว่าดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังเดินได้ แต่จะทำอะไร แรงไม่ได้ หมอก็เลยอนุญาตให้กลับบ้านได้ และอีกวันก็นัดมาฉีดยา ตัวนี้อีกหนึ่งเข็ม ตนก็ฉีดปกติ และเขามีบอกว่าให้ นั่งพักก่อนครึ่งชั่วโมง ตนก็นั่งอยู่ปกติกับแฟน แต่เหมือนได้ยินพยาบาลในห้องพูดว่าฉีดยาตัวนี้เลยเหรอ ตนก็งงว่ายาตัวนี้มันคือยาอะไร ทำไมต้องตกใจ พอตนกลับมาบ้านช่วงประมาณสามทุ่ม ตนก็มีอาการไข้ขึ้นและหนาวสั่น หลังจากนั้นก็มีการ เช็ดตัว และตนก็เริ่มอ้วก จึงอดทนมาถึงเช้าและโทรบอกโรงพยาบาลว่าตนมีอาการแบบนี้นะ ทางโรงพยาบาลจึงบอกว่าให้รีบกลับไปที่โรงพยาบาลเพราะเดี๋ยวน้ำตาลในเลือดต่ำ เดี๋ยวเกิดอาการช็อก ตนจึงรีบกลับไปแอดมิดที่โรงพยาบาล แล้วเขาก็มีการเข้า มาตรวจเหมือนเดิม มีการซาวด์ปกติ และ ตนก็ได้งดน้ำงดอดอาหารอีกหนึ่งวัน และมีการฉีดยาฆ่าเชื้อให้ พอนอนโรงพยาบาลต่อได้อีก 3 วัน ตนมีอาการตุ่มขึ้นและมีน้ำหนอง และอาการอ้วกก็เริ่มมา ตนก็รู้ได้ทันทีว่าตนแพ้ จึงบอกพยาบาล พยาบาลจึงบอกว่าให้รอพบหมอและบอกหมออีกครั้ง พอหมอเข้ามาตรวจจึงบอกอาการนี้กับหมอ เพราะตนเริ่มอ้วกและไอออกมาเป็นเลือด แต่เขาบอกกับตนว่าตนเจ็บคอ ให้หาของเย็นกิน แต่เขาก็พูดดี ตนก็ตอบไปว่าค่ะ ตนจึงให้แฟนไปซื้อไอติมมา แต่ตนกินหมดเลยไม่ได้ เพราะปากและหน้าตนบวม จมูกก็เริ่มมีเลือดออก หมอก็เลยมีการให้หยุดยาฆ่าเชื้อ 2 ตัวนี้ และมาให้ยาอีกตัวหนึ่ง เพื่อล้างสารยาพวกนี้ออกให้หมด จนพวกอาการแพ้ตนเริ่มดีขึ้น แต่จะมีอาการปวดแสบปวดร้อนมาแทน จนตนไม่ไหวจึงต้องโทรตามญาติ คือร่างกายตนไม่ไหวแล้ว กับทางโรงพยาบาลตนก็ถามทุกวัน ว่าตนเป็นอะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เขาก็บอกว่าตนแพ้ยา และญาติพี่น้องก็มาถามอีกว่าตนแพ้ยาอะไร เขาบอกว่าเขาหาสาเหตุไม่ได้ แล้วเขามีการเอาเลือดของตนไปวิจัย แล้วพอญาติพี่น้องไปถามอีกเขาก็บอกว่าตนติดเชื้อบ้างเป็นอีสุกอีใสกบ้าง ต้นมีการเถียงกันกับหมอ ว่าอีสุกอีใสตนเป็นแล้วเพราะมันเป็นได้แค่ครั้งเดียว ญาติก็ยืนยันให้ว่าตนเป็นแล้ว แล้วเขาก็เอาหนองไปวิจัย จนตอนนี้ก็ยังไม่รู้คำตอบเลยว่าตนเป็นอะไร ตนยืนยันว่าก่อนหน้านี้ตนไม่ได้เป็นอะไร ตนแข็งแรงดี แค่มีเรื่องท้องนอกมดลูกอย่างเดียว/// ก่อนออกจากโรงพยาบาล ตนมีการพูดคุยและสอบถามกับหมอ ว่าเรื่องผมของตนที่มันร่วงไป กับผิวหนังของตน จะทำอย่างไร เพราะตนทำงานบริการ เขาก็บอกว่า ตนเหมือนได้รับยาคีโม ตนจึงถามว่ายาคีโม แบบไหน เขาจึงบอกว่า มันไปทำการฆ่าเม็ดเลือดขาว จนผมตนร่วงหมด เหมือนทำนองว่าต้องรักษาประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี
ตนอยากถามโรงพยาบาลว่าตนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเมื่อไหร่ พอตนไปตรวจเรื่องผม เขาก็บอกว่า มันไม่มียารักษา โรงบาลก็เป็นโรงพยาบาล มีประกันสังคมทำไมถึงไม่มียารักษา ตนต้องหยุดงาน ภาระตนก็มี แล้วตนนอนโรงพยาบาลอยู่ 1 เดือน ตนก็ไม่ได้อะไร แฟนก็เทียวไปหาทุกวัน พอวันที่ตนได้กลับบ้าน ตนก็ดีใจ แต่ตนก็ทำอะไรไม่ได้ ทำอะไรก็เขียวไปหมดทั้งตัว ขาก็ชาตามตัวก็ชา พอสภาพเป็นแบบนี้ ตนก็ไม่รู้ว่าจะหาอะไรมารักษา/// ตอนแรกตนก็คิดว่า ที่ผมตนร่วงเพราะตนไม่ได้สระผม แต่เวลาเพียงแค่ 4 วัน ผมตนร่วงหมดเลย ทั้งหัว และตนก็ไม่ได้คิดว่าจะถ่ายรูปเก็บไว้ ในตอนนั้น
นางสาวแนน ยังเปิดความในใจอีกว่าขณะนอนรักษาตัวที่รพกลับพบว่าถูกพยาบาลพูดคุยถึงอาการของตนเองจนกลายเป็นตัวตลกในสายตาของพยาบาล ซึ่งทำให้เธอซ้ำใจและเครียดกับเรื่องดังกล่าว
ขณะที่มารดาของน้องแนน ได้ย้ำกับนักข่าวว่ายืนยันว่าตัวน้องเป็นคนแข็งแรง //พวกตนได้มีการไปร้องกับหน่วยงานสาธารณสุข และสคบ. แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแล ทางโรงพยาบาลก็ไม่มี เคยไปเขาให้แค่ยาวิตามินมา แล้วมีการนัดอีกหนึ่งเดือน ถึงจะมีการให้ไปเจออีกครั้ง ตอนนี้มีการไปแจ้งความแล้ว ตัวตนเองสงสารลูก ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาเป็นปกติอีกเมื่อไหร่ ร่างกายเขาก็ไม่เหมือนเดิม เราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าเขาจะเป็นแบบไหน มันจะมีอะไรตามมาอีกหรือไม่ วันแรกที่ไปเจอลูกที่โรงพยาบาล สภาพลูกดูแย่มาก ตนก็มีการไปถามหมอ ว่าทำไมคนไข้อาการทรุดลงขนาดนี้ หมอก็บอกว่า น้องน่าจะเป็นไข้มาจากบ้าน เป็นอีสุกอีใส ตนก็ถามว่าแน่ใจนะว่าน้องเป็นอีสุกอีใส เพราะน้องเคยเป็นอีสุกอีใสมาแล้ว พอไปถามอีกครั้ง เขาบอกว่าแพ้ยา เขาก็บอกว่ารักษาไปตามขั้นตอนที่หมอบอก เขาพูดแค่นั้น
ภาพ/ข่าว กริชแก้ว ศิริมงคล
ผู้สื่อจ.สมุทรปราการ