ชุมพร – ลูกเลี้ยงหลอนยาใช้ปืนยิงพ่อเลี้ยงดับคาร้านค้าอาหารตามสั่ง

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514
วันที่29 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน ลูกเลี้ยงหลอนยาใช้ปืนยิงพ่อเลี้ยงดับคาร้านค้าอาหารตามสั่ง
กรณี วันที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา14:41น. พนักงานวิทยุได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 เกิดเหตุ มีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นที่ บ้านเลขที่ 244 ม.4 ต.ชุมโค (ใกล้หลังสถานีรถไฟคลองวังช้าง) ร.ต.ท.วรุณ สมทรง รอง สว.สอบสวน สภ.ปะทิว จ.ชุมพร รุดไปยังที่เกิดเหตุ พร้อม ชุดสืบ สภ.ปะทิว
สถานที่เกิดเหตุ บ้านเลขที่244 ม.4 ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร (ใกล้หลังสถานีรถไฟคลองวังช้าง) เป็นบ้านเช่าห้องแถวชั้นเดียวห้าคูหาริมถนนสายปะทิว – บ้านคลองวังช้าง เป็นร้านร้านอาหารเจ๊นุ้น สุขเสมอ ขายอาหารตามสั่งพบศพนาย เสมอสุขประวิทย์ อายุ 67 ปีชาวตำบลชุมโคอำเภอปะทิวจังหวัดชุมพรนอนเสียชีวิตอยู่ภายในร้าน พบสวมเสื้อยืดสีดำแขนกุดกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล นอนจมกองเลือดอยู่หน้าประตู

ผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือนายสิทธิพร (นามสมมุติ ) อายุ 22 ปี ชาวตำบลชุมโคอำเภอปะทิวจังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของนายเสนอฯ ยืนถืออาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์เดินวนไปวนมาในบริเวณด้านหน้าห้องเช่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เกลี้ยกล่อมให้วางอาวุธปืนและได้ควบคุมตัวได้ พร้อมยึดอาวุธปืนลูกซองไว้ โดยในรังเพลิงมีปลอกกระสุนที่ยิงแล้วอยู่ในลำกล้องหนึ่งนัดและยังพบกับศูนย์ลูกซองขนาด 12 ที่ยังไม่ได้ยิงวางอยู่บนโต๊ะ อาหารอีกหนึ่งนัด จึงยึดไว้เป็นหลักฐานก่อน นำตัวนายสิทธิพรฯ พร้อมนางเรณู ฯ อายุ 61 ปีซึ่งเป็นแม่ของนายสิทธิพรฯ ผู้ก่อเหตุ นำตัวไปสืบสวนสอบสวนที่ สภ. ปะทิว

เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบชันสูตร ศพนายเสมอสุขประวิตรถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าบริเวณ ศรีษะ ช่วงท้ายทอยเป็นรูขนาดใหญ่จึงได้ให้ทางอาสากู้ภัยจังหวัดชุมพรอำเภอปะทิวทำการจัดเก็บเพื่อนำศพไปชันสูตรอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลปะทิวอีกครั้ง นางเรณู ฯ เล่าว่าตนได้อยู่กินกับนายเสมอมาประมาณหนึ่งปีก็อยู่กันอย่างมีความสุขมีเพียงลูกชายเท่านั้นที่ ที่ไม่พอใจที่จนได้อยู่กินกับสามีใหม่เพราะสามีใหม่ได้ให้การตักเตือนโดยให้ละเว้นและไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจึงเป็นเหตุให้เกิดไม่พอใจและประกอบกับลูกชายเสพยาบ้าและหลอนยา จึงก่อเหตุขึ้นในครั้งนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนสืบสวนพยานหลักฐานและเก็บหลักฐานแล้วแจ้งข้อหานาย สิทธิพรฯ ผู้ก่อเหตุ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน นำส่งพนักงานสอบสวน สภ. ปะทิวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป