Connect with us

อาชญากรรม

ปุ๊กกี้เปิดใจ

Published

on

นนทบุรี เปิดใจ ปุ๊กกี้เป็นหนึ่งเหตุถอยจากมูลนิธิเพราะประธานสาววางแผนให้ฮั้วประมูล
เมื่อวันที่ 3 ก.ค.67 ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม น.ส.เอ นามสมมุติ และ “ปุ๊กกี้” อดีตสมาชิกมูลนิธิเป็นหนึ่ง ที่ลาออกเมื่อช่วงต้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เดินทางมาที่มูลนิธิขอคำแนะนำจากทนายความ และแถลงความจริงกับสื่อ โดย ปุ๊กกี้เปิดเผยว่าที่ผ่านมายอมรับว่าเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของมูลนิธิเป็นหนึ่ง เพราะอยากเป็นบุคคลมีชื่อเสียงมีแสง เพื่อที่จะต่อยอดในการทำธุรกิจ แต่ต้องเป็นธุรกิจที่สุจริต และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีผู้ใหญ่คอยเตือนตนเองอยู่เสมอว่าไม่อยากให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบุคคลคนนี้ คือนางสาว.อ. แต่ยอมรับว่าตนไม่เชื่อเพราะไม่เคยเจอกลับตัว/ และคอยปกป้องรักน้องมาตลอด ตนตนเอง เป็นหนึ่งในการให้เงิน จำนวน 100,000 บาทเพื่อจัดตั้งมูลนิธิแต่ต้องยอมรับว่าเป็นการให้โดยเสน่หา แม้จะไม่ได้เป็นประธานมูลนิธิหรือ ไม่ค่อยได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมากนัก เพราะจะมีแต่เขาคนเดียวที่จะคอยออกหน้า ก็ยืนยันว่าที่ออกจากมูลนิธิก็ไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เหตุผลที่จำเป็นต้องออก เพราะได้เจอกับตัวเอง เมื่อเขา สอนให้เราทำสิ่ง ที่ไม่สุจริต คือเสนอให้ “ฮั้วประมูล” เพราะสามีตนมีคอนเน็กชั่น เกี่ยวกับการรับเหมา เพราะคิดว่าถ้าหากทำต้องส่งผลกระทบต่อครอบครัว โดยเฉพาะตัวสามี / และยังแบ่งสรรปันส่วน ว่าใครจะได้เปอร์เซ็นต์บ้าง ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่หลายๆคนพูดเป็นความจริง จึงพาตัวเองออกมาจากมูลนิธิ ส่วนประเด็นการซื้อ วุฒิการศึกษา ยอมรับว่าได้ยินเรื่องนี้จากปากของน้อง อ.เอง ตอนที่เขาบอกว่าจะซื้อให้สามี ในราคา 150,000 บาท และยังทราบว่า เขาเองได้มีการ ซื้อขายวุฒิ ให้บุคคลอื่นอีก/ ซึ่งเรื่องนี้ตนก็มีคลิปเสียง ระหว่าง “ซ้อลักษณ์และอาจารย์ของมหาวิทยาลัยดัง ที่พูดถึงการซื้อขายวุฒิปริญญากันด้วย” ปุ๊กกี้ยังฝากถึง คนที่อยู่รอบตัว ของน้อง(อ.) อย่างเช่นทนายชื่อดัง และพิธีกรว่าตน เคยอยู่ในสถานการณ์แบบ นั้นมาแล้ว ขอให้ทุกคนถอยออกมาอย่าช่วยคนทำผิดเพราะตนเองก็ยังรู้สึกผิดกับผู้เสียหายที่นั่งอยู่ข้างๆ เพราะก่อนหน้านี้ ก็เคย เป็น back ให้เขาช่วยเหลือเขา ทั้งที่มีผู้เสียหายมาร้องเรื่องโกงแชร์ด้วยเหมือนกัน ฉะนั้นจึงขอให้ตัวน้องอ.ยุติบทบาท มูลนิธิดังกล่าว แล้ว เคลียร์ปัญหาให้จบก่อนที่จะไปช่วยเหลือสังคม เพราะตัวคุณยังไม่ดีพอที่จะทำดีเลย
ด้านน.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย ถูกชักชวนให้ร่วมเล่นแชร์และปล่อยกู้ กล่าวว่า ต้นรู้จักกับต้นอ้อ เป็นหนึ่งจากน้องสาวของตนเมื่อช่วงปลายปี 2560 ก่อนจะถูกชักชวนให้ร่วมเล่นแชร์ วงละ 100,000 จำนวน 40 คน ส่งเงินสัปดาห์ละ 2,200 บาท หลังร่วมเล่นแชร์ไปแล้วครั้งแรกก็ได้เงินพร้อมกำไรครบ หลังจากนั้นเขาก็ชักชวนให้ร่วมเล่นแชร์อีกหลายวงและให้ร่วมลงเงินปล่อยกู้แจกดอกที่เขาตั้งขึ้นมา ซึ่งตนหลงเชื่อด้วยหน้าที่การงานและฐานะทางสังคมจึงลงเงินไป 488,000 บาท กระทั่งปลายปี 2561 เขาเริ่มไม่จ่ายเงินคืนตามที่ตกลงไว้ พอตนทวงถามไปเขาก็บ่ายเบี่ยงอ้างว่าตัวเขาเองกำลังจะลงเล่นการเมืองแล้วจะได้เงินสนับสนุนกว่า 10 ล้านบาทแล้วจะนำเงินมาคืนให้พร้อมดอกเบี้ย จนผ่านมาหลายปีก็ไม่เคยได้เงินคืน หลังจากนั้นตนพร้อมผู้เสียหายร่วม 10 คน ได้เขาไปเจรจากับเขาอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เขาบอกให้เอาเลขบัญชีทุกคนมาแล้วจะทยอยคืนเงินให้ แต่พอถึงเวลากับได้เงินโอนคืนมาแค่คนละ 200-300 บาท ตนจึงเข้าไปแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง ที่สภ.สามพราน เมื่อวันที่ 21 พ.ค.2567 หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบหายไป ตนจึงเกรงว่าตอนนี้เขามีชื่อเสียงรู้จักคนใหญ่คนโตกลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงมาร้องขอให้ทางมูลนิธิช่วยเหลือ

ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต
ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี


Continue Reading
Click to comment

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Copyright © todaynews2017.com