นนทบุรี ทนายรณรงค์ขนหัวลุกฝันหิ้วหัวคนตายสุดท้ายเป็นจริงพี่สาวร้องมูลนิธิดังตรงกับความฝัน
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 สิงหาคม 67 ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี น.ส. ดาวเรืองหรือออย ศุภผ่องศรีอายุ 44 ปี นำเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายรณณรงค์ แก้วเพชรประธานมูลนิธิ ว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิ นายชาญชัย ฉายบุ ที่ปรึกษามูลนิธิ หลังน้องชายขับรถปิคอัพชนรถสิบล้อที่ไม่ได้เสียแต่จอดหลบอยู่ในมุมมืดข้างทางริมถนนใหญ่ จนน้องชาย ศีรษะเละแหลกละเอียดแทบหลุดจากคอ แต่ทางฝ่ายคนขับรถสิบล้อซึ่งมีประกันภัยชั้น 1 และเจ้าของ รถสิบล้อ ตัวแทนประกันภัยรวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจยื่นข้อเสนอให้ตนเพียง 150,000 บาทเพื่อให้จบคดีซึ่งตนคิดว่า ชีวิตน้องชาย ซึ่งอายุยังน้อยไม่สมควรที่จะมีค่ากับเงินเพียงแค่นี้ จึงมาร้องเรียนกับทางมูลนิธิขอให้ช่วยเหลือในด้านคดี
คุณออย เล่าด้วยเสียงอันเศร้าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 67 ช่วงเวลา 02.00 น. บนถนนพหลโยธินฝั่งขาขึ้น ตำบลดอนแตง อำเภอขาณุวรลักษณ์บุรี จ.กำแพงเพชร น้องชายของตนเองคือ นายอนันต์ ศุภผ่องศรีอายุ 36 ปี ได้ขับรถกระบะตู้ทึบบรรทุกยี่ห้อ Toyota รุ่นรีโว่ สีขาว ทะเบียน บว.789 กาญจนบุรี พุ่งชนรถบรรทุก ยี่ห้อ Hino สีขาว-เทา หมายเลขทะเบียน 70-1101 นครสวรรค์ ที่จอดอยู่ในมุมมืดริมถนนใหญ่ข้างทางโดยรถไม่ได้เสียหรือขัดข้องแต่อย่างใด และไม่มีการนำกรวยยางหรือสิ่งของวัตถุมาวางไว้ท้ายรถเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ทำให้น้องชายซึ่งขับรถมาในที่มืดและใช้ความเร็วเพียงแค่ 52 กิโลเมตร พุ่งเข้าชนท้ายรถ บรรทุกดังกล่าวจนเสียชีวิตคาที่ อยู่ในเบาะที่นั่งคนขับ สภาพศพศีรษะเละแหลกละเอียดจนไม่มี ใบหน้าหรือหัวหลงให้ให้เห็น
หลังเกิดเหตุเวลาผ่านมาเนิ่นนานหลายเดือน ทางบริษัทเจ้าของรถสิบล้อ ตัวแทนประกันภัยรวมทั้งคนขับรถ ได้นัดให้ตนเองเข้าพูดคุยเจรจาซึ่งตนได้เรียกค่าเสียหายที่น้องชายเสียชีวิตในครั้งนี้ กับบริษัทประกันภัย 1 ล้านบาท เจ้าของธุรกิจรถบรรทุกสิบล้อ 500,000 บาท คนขับรถสิบล้อ 200,000 บาท แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ทางฝ่ายคู่กรณียืนยันชดใช้ให้แค่ 150,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวตนคิดว่ามันน้อยเกินไป สำหรับชีวิตน้องชายตนเองซึ่งมีเงินเดือนและรายได้เดือนละกว่า 20,000 บาท อีกทั้งน้องชายยังเป็นเสาหลักของครอบครัว ส่งเสียคุณพ่อซึ่งพิการอยู่ที่บ้านในจังหวัดสุพรรณบุรีตลอดทุกเดือน หลังเกิดเหตุมีการเจรจาไกล่เกลี่ยมาแล้วหลายครั้ง แต่ทางฝ่ายคู่กรณีก็ยืนยันที่ตัวเลขเดิม ตนและครอบครัวรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะนายตำรวจระดับรองผู้กำกับบอกให้ตนเซ็นรับๆไปเถอะจะได้จบคดีตนจึงต้องมาร้องทางมูลนิธิรณรงค์เพราะเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะตำรวจแจ้งข้อหาว่าประมาทร่วมกัน
ทางด้านทนายรณรงค์ประธานมูลนิธิ กล่าวว่า เคสนี้เป็นเคสที่ตนเองประหลาดใจ และต้องนัดผู้เสียหายเข้ามาหาเอง เนื่องจากว่า บตนเพิ่งกลับจากการปฏิบัติธรรมที่ภูทับเบิก ก่อนหน้านี้เพียงอาทิตย์เดียวตนฝันไปว่าตนเองได้หิ้วหัวผู้ชายคนหนึ่งเดินไปเดินมาจนต้องสะดุ้งตื่นด้วยความกลัว หลังจากนั้นอีก 2 วัน ตนได้มาดูในเพจร้องเรียนขอความเป็นธรรมของมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ก็พบข้อความของคุณออย ซึ่งร้องเรียนผ่านมาที่เพจแต่ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดในสำนักงานมูลนิธิรณรงค์ แม้กระทั่งตัวของรองประธานมูลนิธิ ที่ปรึกษามูลนิธิ หรือตนเองก็ไม่มีใครอ่านข้อความของคุณออยที่ร้องขอความเป็นธรรมให้น้องชายเลย
จนกระทั่งตนมาฝัน ชวนขนหัวลุกแบบนี้และดูเรื่องราวข้อความที่ร้องเรียนเข้ามาในเพจของมูลนิธิ ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าคุณออย ได้ทักข้อความเข้ามาที่เพจมูลนิธิขอให้ช่วยเหลือน้องชายประสบอุบัติเหตุพุ่งชนรถสิบล้อจนเสียชีวิตศีรษะใบหน้าแหลกเละ จนเหลือแค่ลำคอจึงคิดว่าผู้ตายน่าจะมาเข้าฝันขอความเป็นธรรมกับตนเอง ตนจึงได้รีบทักติดต่อไปยังทางคุณออย ซึ่งเป็นพี่สาวของผู้เสียชีวิตและมาทราบเรื่องราวที่น่าชวนขนหัวลุกในครั้งนี้ ส่วนความช่วยเหลือตนจะให้ทางรองประธานมูลนิธิและที่ปรึกษามูลนิธิ พร้อมผู้เสียหาย ไปเจรจาพูดคุยกับ ฝ่ายคู่กรณี เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม คนตายทำงานเดือนละ 20,000 กว่าบาท ทำจนถึงอายุ 60 ปีจะมีเงินถึง 5 ล้าน 6 ล้าน การที่คุณมาจ่ายแค่ 150,000 บาท ตนคิดว่ามันไม่คุ้มกับชีวิตของคนๆหนึ่งที่เป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัว อยากให้มีการเจรจาและเยียวยาชดใช้ มากกว่านี้ เพื่อความเป็นธรรมของครอบครัวผู้เสียชีวิตมากกว่า
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต
ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี