นนทบุรี คลิป โผล่อีก อดีตดาราหลอกขายกระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู พบผู้เสียหายหลายราย มูลค่าความเสียหายเกือบ 2 ล้าน
เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 67 นายโชติอนันต์ เลิศฤทธิ์ภูวดล หรือ เสี่ยเป้ บางกรวย ประธานจิตอาสา ผู้ก่อตั้งเพจ “นนทบุรีไม่ทิ้งกัน” พร้อมทีมทนาย ได้เดินทางไปยังบ้านบารมีสักลายมือเศรษฐีอาจารย์หญิง ต.บางคูรัด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังจากได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากกลุ่มผู้เสียหาย ถูกอดีตดาราสาว-เน็ตไอดอล หลอกขายนาฬิกา และกระเป๋าแบรนด์เนม มูลค่าความเสียหายเกือบ 2 ล้านบาท
น.ส.ดวงพร สุภนาม หรืออาจารย์หญิง (ชุดส่าหรีสีแดง) อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นหุ้นส่วนบริษัทรับตกแต่งบิ้วอิน และเป็นหมอดู สักลายมือเศรษฐี เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกหญิงสาวคนดังกล่าวได้ติดต่อมาผ่านทางหุ้นส่วนของตนซึ่งเป็นบริษัท Built in เนื่องจากเห็นว่าหุ้นส่วนคนนี้ค่อนข้างมีฐานะ โปรไฟล์ดี จึงทักเข้ามาเพื่อขอความช่วยเหลือ ต้องการนำนาฬิกามาจำนำ โดยระบุว่า นาฬิกาเรือนละ 430,000 บาท อยากจะนำมาจำนำ ไว้จำนวน 300,000 บาท ทางหุ้นส่วนไม่มีความรู้ด้านนาฬิกาจึงได้ให้หญิงสาวคนดังกล่าวเข้ามาที่บริษัท และเข้ามาพูดคุยกับตนเอง พอหญิงสาวคนดังกล่าวมาถึงที่ออฟฟิศได้เจอตนก็สอบถามทันทีว่าอาจารย์แม่ดูดวงด้วยหรือเคยเห็นอาจารย์แม่ผ่านทางโซเชียลมีเดีย จึงได้มีโอกาสเข้าไปนั่งคุยกันในห้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ด้วยความที่ตนมีเซ้นส์จึงได้ทักหญิงสาวว่ากำลังมีปัญหาต่างๆมากมาย เขาก็ยอมรับว่าตนเองนั้นมีปัญหาหนี้สินได้ไปกู้หนี้ยืมสิน มีการกู้เงินนอกระบบ เป็น 10 กว่าเจ้า จึงต้องการนำนาฬิกาเรือนนี้มาจำนำ พอตนเห็นแบบนั้นก็รู้สึกสงสาร จึงรับนาฬิกานี้ไว้ แล้วบอกว่าลูกศิษย์ของตนนั้นมีคนที่รับจำนำนาฬิกาเยอะ จึงจะติดต่อให้โดยไม่เอะใจเลยว่านาฬิกาเรือนดังกล่าวจะปลอม หรือมีปัญหาใดๆ คิดเพียงแต่ว่าอยากจะช่วยเหลือ
น.ส.ดวงพร กล่าวต่ออีกว่า หลังจากนั้นช่วงกลางคืน หญิงสาวคนเดิมได้ส่งรูปภาพเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมมาให้ดู 2 ใบ อยากให้นำกระเป๋าไปฝากขายให้ด้วย โดยบอกว่าใบนึง ซื้อมาราคา 120,000 กว่าบาท อีกใบหนึ่งซื้อมาในราคา 130,000 กว่าบาท แต่อยากจะได้เงินใบละประมาณ 55,000 กว่าบาท จากนั้นตนได้ส่งนาฬิกาและกระเป๋าไปให้ลูกศิษย์ดูเผื่อว่าใครจะสนใจ จู่ๆมีลูกศิษย์ถามกลับมาว่านี่เป็นกระเป๋าของใคร และบอกว่ากระเป๋านั้นเป็นของปลอมทั้งหมด ทำให้ตนถึงกับตกใจ แย่ไปกว่านั้นนาฬิกาที่ให้ลูกศิษย์ไปเพื่อจำนำก็เป็นของปลอมเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ลูกศิษย์ของตนที่เชี่ยวชาญด้านกระเป๋าแบรนด์เนมว่าให้ตนลองไปสอบถามหญิงสาวว่ามีกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้หรือไม่ พอตนไปถามปรากฏว่าหญิงสาวคนดังกล่าวมีกระเป๋าแบรนด์เนมแทบทุกใบ จนถึงบางอ้อ เริ่มจะเข้าใจว่าหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นใช้กระเป๋าแบรนด์เนมปลอมไปแลกกับเงินสดราคาแพงมาก แต่ที่เป็นปัญหาสำหรับตนมากก็คือนาฬิกา ได้ส่งให้น้องคนหนึ่งซึ่งพร้อมที่จะโอนเงินมาให้ตน เพราะหลงเชื่อคิดว่าเป็นของจริง ปรากฏว่าพอน้องทราบว่าเป็นของปลอมก็ไม่พอใจตน คิดว่าตนไปหลอกขายของปลอมให้ จึงทำให้ตนเสียชื่อเสียง และหญิงสาวคนดังกล่าวก็โทรทวงเงินตนตลอดทั้งคืน ตนก็ไม่โอนให้ และพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์มือถือโดยตรง บอกให้หญิงสาว ยอมรับความผิดว่าได้นำนาฬิกาและกระเป๋าของปลอมมาหลอกให้ตนฝากขายให้ จนกระทั่งหญิงสาวได้ยอมรับความจริงว่าเขาได้ทำแบบนี้แบบนี้เพราะร้อนเงินและจำเป็นต้องใช้เงิน
ขณะที่ผู้เสียหายอีกราย น.ส.ฐานิตตา จำเริญ อายุ 42 ปี อาชีพนักธุรกิจส่วนตัว รับซื้อ-ขาย กระเป๋าแบรนด์เนม เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนเปิดร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนม หญิงสาวคนดังกล่าวได้แอดไลน์ของทางร้านมา และมีการสอบถามว่ารับซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมใบนี้หรือไม่ ครั้งแรกส่งมา 1 ใบ ได้มีการพูดคุยรายละเอียดกันผ่านทางไลน์ หลังจากนั้นหญิงสาวคนนี้ก็พยายามเร่งเพื่อให้ทางร้านโอนเงินให้ พอช่วงค่ำของวันเดียวกันหญิงสาวคนดังกล่าวก็ได้ทักมาอีก แล้วส่งกระเป๋ามาให้อีก 2 ใบ สอบถามว่ารับจำนำกระเป๋าเพิ่มหรือไม่ อ้างว่าตนเองต้องเดินทางไปต่างประเทศจึงมีความจำเป็นต้องใช้เงิน อยากให้โอนเงินให้เลย ทางร้านจึงบอกว่าขออนุญาตเช็คสินค้าก่อน แต่หญิงสาวคนดังกล่าวอ้างว่าได้นำกระเป๋าทั้งหมดไปตรวจสอบกับร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมร้านหนึ่ง ซึ่งรู้จักสนิทสนมกับผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายชะล่าใจ ไม่ได้ตรวจดูกระเป๋าแบรนด์เนม หลังจากนั้นทางร้านก็ได้ให้หญิงสาวคนดังกล่าวเซ็นเอกสารระบุข้อความว่า “กระเป๋าใบดังกล่าวนั้นเป็นของแท้” โดยมีการแนบสำเนาบัตรประชาชน ทำให้ตนทราบว่าเป็นถึงดารา เน็ตไอดอล ตนจึงตัดสินใจโอนเงินไปให้อีก 1 แสนกว่าบาท พอวันถัดมาจึงได้มาตรวจดูกระเป๋าพบว่ากระเป๋ามีความผิดปกติทั้งเนื้อของกระเป๋า และตัวการ์ด จึงพยายามติดต่อหญิงสาว ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้เลย จึงได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ ต่อมาหญิงสาวคนดังกล่าวติดต่อกลับมาบอกว่าตนเองนั้นเดินทางไปต่างประเทศจึงไม่สามารถติดต่อได้ แต่ตนเห็นว่าใน IG ของหญิงสาวคนนี้ยังใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย ไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศจริง นอกจากนี้ยังทราบจากเพื่อนๆ กลุ่มร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมว่าหญิงสาวคนนี้นำกระเป๋ามาหลอกขายแล้วหลายครั้ง โดยมูลค่าความเสียหายของตนเองนั้น รวมแล้วกระเป๋า ทั้ง 3 ใบ เป็นเงิน 162,000 บาท ซึ่งตอนนี้ได้มีการแจ้งความแล้วอยู่ระหว่างตำรวจออกหมายเรียก
ด้านนายโชติอนันต์ เลิศฤทธิ์ภูวดล หรือ เสี่ยเป้ บางกรวย ประธานจิตอาสา ผู้ก่อตั้งเพจ “นนทบุรีไม่ทิ้งกัน” กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นได้รับการร้องเรียนจากอาจารย์หญิงเพราะตนเองเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ ก็ทราบว่ามีดาราสาว และเป็น Influencer ท่านหนึ่ง ทักไลน์ส่งกระเป๋าแบรนด์เนมมาให้ดู เพื่อฝากขาย และจำนำ รวมแล้วในราคาหลักล้านบาท จนกระทั่งมีการตรวจเช็คและพบว่าสิ่งที่นำมาจำนำ ทั้งนาฬิกาและกระเป๋าเป็นของปลอม ตนจึงได้ไปตรวจสอบประวัติของดาราสาวท่านนี้ ปรากฏว่ามีคดีความฉ้อโกงอยู่แล้ว และเห็นว่าเคสนี้ผู้เสียหายมีจำนวนมากและต้องการความช่วยเหลือ จึงได้แนะนำทนายหวาย มาให้การช่วยเหลือกับผู้เสียหายในวันนี้
นายชวินทร์ ธวัชราภรณ์ ทนายความเปิดเผยว่า ผู้กระทำความผิดคนนี้ถูกแจ้งความดำเนินคดีมาแล้ว หลายท้องที่ หลายสน. และเป็นการกระทำความผิดในลักษณะเดียวกัน โดยการนำกระเป๋าแบรนด์เนมปลอมไปหลอกขายอยู่เรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้น พอหญิงสาวคนดังกล่าวถูกจับได้แล้วว่าขายกระเป๋าแบรนด์เนมของปลอม โดยที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตัวไปสอบปากคำ แต่ได้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหาย มีการชดใช้เงินค่าเสียหาย จึงไม่เกิดเป็นคดีความ ทำให้หญิงสาวคนดังกล่าวได้ใจ กลับนำเอกสารที่ได้รับจากผู้เสียหาย ระบุว่ากระเป๋าเป็นของปลอม ไปปลอมแปลงเอกสารระบุข้อความว่ากระเป๋าเป็นของแท้ แล้วทำเหมือนเดิม คือไปขายต่อ หรือจำนำต่อให้กับบุคคลอื่น โดยหญิงสาวคนดังกล่าวจะอ้างว่าตนซื้อกระเป๋า มาจากบุคคลอื่นซึ่งไม่รู้ว่าเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมของปลอมไม่ได้ เพราะว่ามีหลักฐานชัดเจนว่าหลังจากที่นำกระเป๋าแบรนด์เนมไปหลอกขายให้กับผู้เสียหายคนอื่นๆแล้วพอถูกจับได้ก็ได้มีการนำกระเป๋าใบเดิมไปหลอกขายให้กับผู้เสียหายอีกคนหนึ่งอีก นั่นแสดงว่าเขารู้ตัวอยู่แล้ว หลังจากนี้ทางทนายและเสี่ยเป้ บางกรวย จะพาทางผู้เสียหายไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจภูธร บางบัวทอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุดต่อไป
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต
ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี