อ้างเป็นตำรวจสถ.เมืองน่าน

ตามนโยบายของ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. , พล.ต.ต.ฐากูร นิ่มสมบุญ ผบก.ทท.2 , พ.ต.อ.อัมรินทร์ อัมพรมหา , พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ โชติกลาง รอง ผบก.ทท.2 , พ.ต.อ.วิเชียร วชิรแสงไพโรจน์ ผกก.1 บก.ทท.2 , พ.ต.ท.วโรดม ใบเรือ รอง ผกก.1 บก.ทท.2 , สั่งการให้ พ.ต.ท.ณัฐภัทร สุขชื่น สว.กก.1 บก.ทท.2 พร้อมกำลัง ดำเนินการสืบสวนบัญชีม้าจึงได้ทำการสืบสวนหาข่าวทราบว่า ผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด สาขาน่าน แจ้งบอกว่าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยาของผู้เสียหาย มียอดเงินหมุนเวียนมากกว่า 800,000 บาท และได้โอนสายให้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองน่าน แจ้งว่าผู้เสียหาย ถูกฟ้องเป็นคดีและต้องอายัดเงินทั้งหมดไปให้ ปปง.ตรวจสอบ ทั้งนี้รวมถึงคู่สมรสด้วย ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงิน ทั้งหมดรวม 4 ครั้ง เป็นจำนวน 151,413 บาท ไปเพื่อทำการตรวจสอบ จากนั้นผู้ต้องหากับพวกได้ฉ้อโกงเงินของผู้เสียหายจำนวนดังกล่าวหลบหนีไป จึงได้มาร้องทุกขฺ์กับพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาในวันที่ ๑๒ พ.ย.๖๗ เวลาประมาณ ๐๘.๐๐ น. เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสืบสวน กก.1 บก.ทท.2 ได้สืบสวนหาข่าวจนทราบว่า นายธีรพงษ์ อายุ ๒๙ ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ จ.๓๒๔/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๗ ทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ต.บ้านทุ่ม อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบนายธีรพงษ์ ผู้ต้องหา กำลังขี่รถจักรยานยนต์จะเข้าไปทำงาน ณ บริษัทดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสืบสวน กก.๑ บก.ทท.๒ จึงได้แสดงตัวและแสดงหมายจับให้ทราบ พร้อมทำการจับกุมตัว นายธีรพงษ์ ฯ ผู้ต้องหา ตามหมายจับ ศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ จ.๓๒๔/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๗ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริต หรือโดยหลอกหลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชุมแสงสงคราม ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป